“ข้อคิดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ที่อาจช่วย…คุณได้”
ข้อคิดที่หนึ่ง คือ “กฎการลงทุนข้อที่หนึ่ง คือ อย่าขาดทุน
และกฎข้อที่สองก็คือ ให้กลับไปดูกฎข้อที่หนึ่ง”
นั่นคือ สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการลงทุน และบัฟเฟตต์กำลังบอกเราว่า คุณต้องพยายามไม่ให้ขาดทุน
บัฟเฟตต์นั้นไม่เคยมองว่า ซื้อหุ้นแล้วหุ้นนั้นจะมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปมากน้อยแค่ไหน
จะได้กำไรเท่าไร ? กำไรกี่เปอร์เซ็นต์ ? แต่เขาจะมองว่า..ทำยังไง? ให้หุ้นที่ซื้อไว้ ไม่ขาดทุน
เหตุผลสำคัญ จึงน่าจะอยู่ที่การลงทุนของบัฟเฟตต์ ที่เน้นการลงทุนถือหุ้นระยะยาวมาก
ดังนั้น หุ้นจะขึ้นหรือเปล่าในเดือนหน้าหรือปีหน้าเขาไม่สนใจ
เขาสนใจแต่ว่าในระยะยาวแล้ว หุ้นที่เขาซื้อจะไม่ลดลงอย่างถาวร
เนื่องจากผลการดำเนินงานที่แย่ลง
“เวลาเป็นเพื่อนของธุรกิจที่มหัศจรรย์ แต่เป็นศัตรูของธุรกิจพื้น ๆ”
นั่นก็คือ ถ้าเราถือหุ้นของ “ธุรกิจมหัศจรรย์” หรือธุรกิจที่ดีสุดยอด คุณควรจะถือไว้นานที่สุด
ให้เวลากับการลงทุน เพราะยิ่งเวลาผ่านไป
กำไรของบริษัทก็จะดีขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
ในอัตราที่ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตรงกันข้าม ธุรกิจพื้น ๆ นั้น ในบางช่วงเช่นช่วงแรก ๆ
ราคาอาจจะปรับตัวขึ้นด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง
ซึ่งอาจจะรวมถึงการที่มีคนเห็นว่ามันเป็นหุ้นที่ถูก และเข้ามาซื้อทำให้หุ้นปรับตัวขึ้น
แต่เมื่อถือหุ้นนานขึ้นเรื่อย ๆ แต่กำไรของบริษัทและราคาหุ้นกลับไม่ปรับตัวขึ้น
ผลก็คือ เมื่อเวลาผ่านไป ผลตอบแทนต่อปีก็จะลดลงเรื่อยๆ ยิ่งถือนานก็ยิ่งแย่
“เป็นเรื่องที่ดีกว่าที่เราจะซื้อธุรกิจที่ดีสุดยอด ในราคาปานกลาง
แทนที่จะซื้อธุรกิจปานกลาง ในราคาที่ดีสุดยอด”
ความหมายก็คือ บัฟเฟตต์นั้นไม่เน้น ซื้อของถูกหรือซื้อได้ในราคาที่ “ดีสุดยอด”
เขาคิดว่าธุรกิจที่ดีสุดยอดนั้นในระยะยาวแล้ว มูลค่าของกิจการก็จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ
ดังนั้น ถ้าเราสามารถซื้อได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่แพง
ราคาหุ้นก็จะปรับ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามผลประกอบการของมัน ยิ่งถือนานก็ยิ่งดี
ตรงกันข้าม หุ้นของกิจการปานกลางนั้น ผลประกอบการก็มักจะ ไม่ดีขึ้นเป็นเรื่องเป็นราว
ทำให้มูลค่าของกิจการ ไม่ค่อยเพิ่มขึ้น
จริงอยู่ ในวันแรกเราอาจจะซื้อได้ในราคาที่ถูกมาก
แต่จากนั้น..มันก็คงจะทำกำไรได้ไม่ดี เนื่องจาก ไม่ใช่ธุรกิจที่ “สุดยอด”
นอกจากนั้น หลังจากที่มันปรับตัวขึ้นไปครั้งเดียวแล้ว ราคาของมันก็ อาจจะนิ่งไม่ไปไหน
เพราะกิจการไม่ได้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ดังนั้น ยิ่งถือนานผลตอบแทนก็จะลดลง
เพื่อนๆล่ะ ธุรกิจที่ “สุดยอด” ในใจของเพื่อนๆ คือตัวไหน ?
“สิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับเราก็คือ บริษัทที่ยิ่งใหญ่ ประสบกับปัญหาชั่วคราว
เราต้องการซื้อมันเมื่อมันอยู่บนโต๊ะผ่าตัด” นี่เป็น “โอกาสทอง” ที่บัฟเฟตต์แสวงหาตลอดมา
จากอดีตจะเห็นว่าเขาเคยทำเงินมหาศาลอย่างรวดเร็ว จากการซื้อหุ้นของกิจการที่ดีสุดยอด
แต่ประสบปัญหาชั่วคราวที่สามารถแก้ไขได้
อาทิเช่น หุ้นของอเมริกันเอ็กซเพรส หุ้นโค๊ก และหุ้นอีกหลายตัวในช่วงที่เกิดวิกฤติซับไพร์มในอเมริกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น