วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ช่องทางขอความช่วยเหลือ eBay และ PayPal

eBay  อีเบย์
    ผู้ขายในเอเีชียตะวันออกเฉียงใต้ มี 4 ช่องทาง ในการรับความช่วยเหลือจากอีเบย์
    ส่วน Help
  • ส่วน Help ของอีเบย์จะมีคำตอบให้คำถามส่วนใหญ่ของคุณ เราอัพเดทคำถาม คำตอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่า คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นข้อมูลล่าสุด
  • การเข้าส่วน Help ให้ไปที่ eBay.com แล้วคลิก Help ตรงมุมขวาบนของหน้าโฮมเพจ
     
    ถ้าหากคุณยังมีข้อสงสัยหลังอ่านส่วน Help คุณสามารถส่งอีเมล์มาถึงทีม Customer Support ได้
    ระยะเวลาในการตอบอีเมล์:
  • ตั้งแต่ 24- 48 ชั่วโมง สำหรับคำถามทั่วไป
  • ตั้งแต่48 - 72ชั่วโมงสำหรับคำถามที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย
    ในการซื้อขาย (Trust and Safety)
    สนทนาแบบออนไลน์กับทีม Customer Support หากคุณมีปัญหาฉุกเฉิน
    ช่วงเวลาทำการ:
    จันทร์- อาทิตย์: 8.00 - 17.00น. (เวลาประเทศไทย)วันนักขัตฤกษ์เปิดให้บริการตามปกติ
    เริ่มสนทนาโดยเลือก Live Chat ที่มุมขวาบนของหน้าโฮมเพจอีเบย์ของประเทศคุณ
    ผู้ขายจากประเทศไทย เวียดนามและอินโดนีเซีย เข้าไปคลิกจากโฮมเพจของอีเบย์ประเทศสิงคโปร์


    พิเศษสำหรับผู้ขายระดับ PowerSeller
         สายด่วนเฉพาะผู้ขายระดับ PowerSeller hotline จะเริ่มเปิดให้บริการได้เร็วๆนี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ใน การเป็น PowerSeller ได้ที่นี่
    Paypal
         หากคุณต้องการความช่วยเหลือในประเด็นที่เกี่ยวกับบัญชีเพย์พาล สามารถโทรเข้าไปที่ฝ่าย Customer Service Hotline ของเพย์พาล โดยขณะนี้ จะสามารถให้บริการเป็นภาษาอังกฤษ กวางตุ้งและจีนกลางเท่านั้น
    สิงคโปร์     +65-6510-4650    
    จันทร์-ศุกร์: 8.00-21.00 (เวลาประเทศไทย)
    เสาร์ อาทิตย์: 8.00-17.-00 เวลาประเทศไทย)

    ไทย
    มาเลเซีย     +65-6510-4584
    อินโดนีเซีย
    จันทร์-ศุกร์:8.00-21.00 (เวลาประเทศไทย)
    เสาร์ อาทิตย์:8.00-17.-00 เวลาประเทศไทย)

    ฟิลิปปินส์     +1-402-935-2050
    จันทร์-ศุกร์: 4.00 - 22.00 (เวลาแปซิฟิค)
    เสาร์ อาทิตย์: 6.00-20.00(เวลาแปซิฟิค)

    เพื่อให้ได้รับการบริการที่เร็วยิ่งขึ้น กรุึณาเตรียมข้อมูลต่อไปนี้ให้พร้อม
  • หมายเลขโทรศัำพท์ติดต่อ
  • อีเมล์ที่ลงทะเบียนเพย์พาลไว้
  • เลขบัตรเครดิตหรือบัีญชีธนาคารที่ลงทะเบียนกับเพย์พาลไว้

      ***************************************
      ลองเข้าอบรม eBay ฟรี !! กับคอร์ส
      “การขายสินค้าออนไลน์บนเว็บ eBay (เบื้องต้น)"
      ที่ eBay Lover Club 
      @ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สวนจตุจักร
      **เรียนฟรี !! แบบไม่มีข้อผูกมัดใดๆ **
      ทุกวันพุธ  เวลา 18:00 - 20:00น.
      ทุกวันเสาร์ เวลา 14:00-16:00 และ 18.00-20.00น.
      พบกับเนื้อหา
      >> ไขข้อข้องใจ กลไกการสร้างรายได้จาก eBay
      >> พบกลไกการเปิดโอกาสธุรกิจสู่ตลาดโลกผ่านตลาดออนไลน์
      >> นำเสนอหลักการคิด หลักการหารายได้จากธุรกิจออนไลน์
      ผ่านเว็บขายของ eBay.com ในขั้นต้น
      >> เขียน web ไม่เป็น-ภาษาอังกฤษไม่คล่อง ทำ eBay ได้ง่ายอย่างไร
      ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
      หรือ แจ้งสำรองที่นั่งเรียนอีเบย์ฟรี Free !
      ได้ที่ คุณเยาวนิตย์ Tel. 090-8891750

วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

ควรไปหาสินค้าที่ไหนมาขายใน eBay


     การค้นหาแหล่งผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณ์สามารถระบุได้ว่าธุรกิจอีเบย์ของคุณจะไปได้ไกลแค่ไหน
นี่คือสถานที่บางสถานที่ที่ผู้ขายที่ขายได้มากที่สุดมักจะเริ่มการขุดคุ้ย:

การขายส่ง
     ลองใช้สมุดโทรศัพท์ท้องถิ่นหรือเว็บไซต์เกี่ยวกับการขายส่ง ตลาดที่มีสถานที่เพื่อทำการแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีชื่อเสียงในท้องถิ่นของคุณจะเป็นสถานที่วางผลิตภัณฑ์ของคุณที่สมบูรณ์แบบที่สุด

  • เสื้อผ้า & เครื่องประดับ – โบ๊เบ๊ ห้างสรรพสินค้าแพลตตินัม ตลาดประตูน้ำ ตลาดนัดสวนจตุจักร สวนลุมไนท์บาร์ซ่า สำเพ็ง พาหุรัด
  • ผลิตภัณฑ์จากไม้ – บ้านถวาย เชียงใหม่
  • เครื่องเงิน – ถนนวัวลาย เชียงใหม่ ภาคเหนือของประเทศไทย
  • เครื่องเซรามิก - จังหวัดลำปาง
  • ผลิตภัณฑ์จากผ้าไหม - ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย


ร้านค้าประหยัด
     ค้นพบสินค้าที่เป็นที่ต้องการในราคาที่ต่อรองได้

คุณเองก็ทำได้
  • หนัง – ถนนเจริญรัตน์ หรือถนนเสือป่าในกรุงเทพ
  • เครื่องประดับและสิ่งทอ – สำเพ็ง พาหุรัด
  • อัญมณี&เพชรพลอย – ถนนสีลมหรือถนนอัญมณีในจันทบุรี


ครอบครัวและเพื่อนๆ
     พวกเขาอาจจะรู้จักบางคนหรือมีสิ่งของลดราคาที่จะขาย

ขยายขอบเขตความรู้ของคุณ 
  • สอดส่องดูสินค้าในร้านค้าปลีกท้องถิ่นที่อาจจะขายดีระหว่างประเทศ
  • ขายให้ผู้อื่นที่อาจจะไม่รู้จักผู้ช่วยขายสินค้าอีเบย์ว่าเป็นอย่างไร

***************************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

090-8891750 , 089-1105477

ผู้ขายยานยนต์ eBay Moter โปรดทราบ: รายการขายของคุณจะไปปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาของ eBay.com


     การอัพเดทที่จะเกิดขึ้นกับ eBay Motors Vehicles ในเร็วๆ นี้จะช่วยให้ผู้ซื้อของคุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด รวมทั้งยังทำให้อีเบย์กลายเป็นช่องทางการขายยานพาหนะออนไลน์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาอีกด้วย โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป รายการขายยานพาหนะของคุณจะไปปรากฏในผลลัพธ์การค้นหาแบบใหม่ ที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นและง่ายต่อการค้นหาเหมือนกันทุกจุดใน eBay.com ไม่ว่าผู้ซื้อค้นหาสินค้าจากจุดใดก็ตาม นั่นแปลว่าการค้นหาสินค้าที่เป็นยานพาหนะทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเทคโนโลยีระบบค้นหาที่ทันสมัยของอีเบย์ และผลลัพธ์ Best Match (ตรงตามความต้องการ) เริ่มต้นจนช่วยให้ผู้ซื้อที่สนใจมากที่สุดเห็นรายการสินค้าของคุณ
     ตั้งแต่วันที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมจำนวนมากจะเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการอัพเดทในครั้งนี้:

•    เริ่มให้บริการฟีเจอร์รายการขายแบบใหม่ เพื่อไฮไลท์รายการขายของคุณให้สอดคล้องกับกาทำงานรูปแบบใหม่นี้    
  1. Subtitle (คำขยายชื่อสินค้า): ระบุข้อความคีย์เวิร์ดอย่างละเอียดสำหรับยานพาหนะของคุณซึ่งแสดงพร้อมชื่อสินค้าให้เห็นอย่างเด่นชัดและช่วยให้ผู้ซื้อและระบบค้นหาเจอรายการสินค้าของคุณ
  2. Value Pack (ชุดฟีเจอร์สุดคุ้ม): ซื้อคุณสมบัติ Subtitle (คำขยายชื่อสินค้า), Gallery Plus และ Listing Designer โดยได้รับส่วนลดค่าธรรมเนียมเพิ่ม เพื่อช่วยส่งเสริมการขาย Gallery Plus ช่วยให้ผู้ซื้อเลื่อนดูรูปภาพของคุณในผลลัพธ์การค้นหาและดูรูปภาพแบบขยายได้ ส่วน Listing Designer จะช่วยให้คุณเพิ่มธีมที่น่าสนใจลงไปในรายการขายโดยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

•    เราจะยกเลิกฟีเจอร์บางชนิดที่เปลี่ยนเป็นฟีเจอร์ใหม่ หรือไม่รองรับในการค้นหารูปแบบใหม่ ดังต่อไปนี้ ProPack, Highlight, Border, Listing Icons และ สินค้านำเสนอที่ปรากฏอยู่ที่ตำแหน่งพิเศษในหน้าของหมวดหมู่ (Featured Plus)
•    ในตอนนี้คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ Supersize Pictures ได้ฟรีและถือเป็นฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับรายการขายทุกรายการ
•    เราจะทำการอัพเดทฟีเจอร์ดังต่อไปนี้: ราคาขั้นต่ำ) การขายช่วงเวลา 10 วัน และช่วงเวลา 21 วันและ Auction-BIN (การประมูล-ซื้อได้ทันที) ตัวเลือกรายการขายเหล่านี้ทำให้คุณใช้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าสำหรับการขายยานพาหนะออนไลน์ และเข้าถึงผู้ซื้อที่สนใจอย่างกว้างขวางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

***************************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

090-8891750 , 089-1105477

วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

การสร้างความผูกพันกับลูกค้า Customer Engagement

      เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเดือนที่สั้นที่สุดของปี  และเป็นเดือนแห่งความรัก เนื่องจากมีวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะถึงในสัปดาห์หน้า หลายท่านอาจจะต้องสาละวนกับการหาของขวัญในการตอบแทนความรักกับ ลูกค้า ในชีวิตของท่าน การเข้าใจถึงระดับของความรักและความภักดีของลูกค้า ก็เพื่อที่เราจะได้เลือกกลยุทธ์การตลาดสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างถูกต้อง
     คำถามต่อมาก็คือ ถ้าเราพบว่าลูกค้ามีความจงรักภักดีในแบรนด์ของเราแล้ว จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้ลูกค้าอยู่กับเราให้ได้นานที่สุด เพื่อให้ธุรกิจเติบโตในอนาคตและอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน การแสดงออกถึงความรักกับใครในวันวาเลนไทน์ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตที่ท่านก็ต้องหาทางพัฒนาความสัมพันธ์นั้นให้ถึงขั้นหมายหมั้นกันไปให้ลึกซึ้งกว่าเดิม
     ในทางการตลาด การสร้างให้ลูกค้ามีความผูกพันลึกซึ้งกับแบรนด์ คือ การพยายามสร้างให้เกิด Customer Engagement (CE) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ลูกค้าจะเกิดความผูกพันทางด้านอารมณ์ (Emotional Attachment) มีความรักในแบรนด์นั้น มีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับแบรนด์ และมีแนวโน้มที่จะใช้ต่อไปในอนาคตจนชั่วชีวิตและหาลูกค้าเพิ่มให้โดยความเต็มใจ
     มีผลงานวิจัยทางการตลาดที่ผ่านมาโดยการสอบถามถึงสาเหตุที่ลูกค้าตัดสินใจเลือกแบรนด์ของสินค้าในการซื้อ ผลปรากฏว่าการทำให้สินค้าเกิดความแตกต่าง (Differentiation) ที่เป็นสาเหตุที่นักการตลาดชอบย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนั้นเป็นปัจจัยรอง มิใช่สาเหตุหลักในการซื้อสินค้า ส่วนเหตุผลแรกที่ผู้บริโภคเลือกแบรนด์ของสินค้ากลับกลายเป็นความเกี่ยวข้องและความผูกพันกับแบรนด์นั้นต่างหาก
     เหตุผลที่สนับสนุนความคิดดังกล่าวก็คือ สินค้าที่ท่านใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟันแป้ง หรือเสื้อผ้า ท่านซื้อเพราะมันแตกต่างไปจากแบรนด์อื่น หรือว่าซื้อเพียงเพราะความคุ้นเคยและความผูกพันที่ได้ใช้มาในอดีต
     การพัฒนาให้ลูกค้าเกิดความผูกพันกับแบรนด์ (Customer Engagement: CE) มิใช่เรื่องง่าย เพราะจะต้องเริ่มจากการพัฒนาสัมพันธภาพกับลูกค้าผ่านหลายๆ ระดับด้วยกัน และการวิเคราะห์ระดับต่างๆ ที่จะกล่าวถึงนี้สามารถวัดได้จริงโดยอาศัยการวิจัยลูกค้าว่าเห็นด้วยกับข้อความดังกล่าวแต่ละขั้นหรือไม่
     ในขั้นแรก คือการสร้างให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจ (Confidence) ในระดับนี้ลูกค้ามีความไว้วางใจและเชื่อถือในตัวบริษัท เพราะบริษัทได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ซึ่งเกิดจากการที่บริษัทสามารถทำได้จริงตามที่สื่อสารไว้กับลูกค้า
     ระดับต่อมาคือ การสร้างให้เกิดความซื่อสัตย์และความจริงใจ (Integrity) ลูกค้ารู้สึกได้ว่าบริษัทมีความจริงใจ มีความเป็นธรรมและสามารถติดตามแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างน่าประทับใจ
     ระดับที่ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจ (Pride) เป็นระดับที่สำคัญในลำดับต่อมา เพราะเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความภูมิใจที่ได้ใช้สินค้า แบรนด์ที่ใช้ได้สะท้อนความเป็นตัวตนของลูกค้า รู้สึกดีที่ได้ใช้และอดไม่ได้ที่จะบอกบุคคลรอบข้างถึงความภาคภูมิใจที่ได้ใช้สินค้านี้
     แต่ สุดยอดของการสร้างให้ลูกค้ามีความผูกพันลึกซึ้งกับแบรนด์ Customer Engagement (CE) คือ การพัฒนาให้ลูกค้าเกิดความหลงใหล (Passion) เห็นเสน่ห์ของการใช้แบรนด์ของเรา ลูกค้ารู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะสามารถมาแทนที่แบรนด์ของเราได้ จุดนี้คือจุดที่ลูกค้าสามารถบอกกับเราได้ว่า They love us
     การพัฒนาให้ลูกค้ารู้สึกได้ถึง Passion ในแบรนด์ได้ ต้องอาศัยการบูรณาการกลยุทธ์ที่เน้นการพัฒนาสัมพันธภาพกับลูกค้าหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management: CRM) ที่มุ่งพัฒนาสัมพันธภาพกับลูกค้าสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่ม หรือกลยุทธ์การสร้างประสบการณ์ทางบวกให้กับลูกค้า (Customer Experience Management: CEM) และเมื่อลูกค้าได้รับการปฏิบัติอย่างน่าประทับใจและมีประสบการณ์ทางบวกอย่างต่อเนื่อง ความผูกพันลึกซึ้งก็จะเกิดขึ้น (CRM+CEM = CE)
     คำว่า Passion นี้มีความสำคัญทางการตลาดเป็นอย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงว่าลูกค้าได้เห็นเสน่ห์ของแบรนด์เราถึงขั้นหลงใหลได้ปลื้ม ลองนึกถึงแฟนบอลสโมสรต่างๆ ในอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นแฟนหงส์ แฟนผี แฟนปืน ลูกค้าเหล่านี้มีความผูกพันกับแบรนด์อย่างลึกซึ้ง ดีใจ เสียใจ อดหลับอดนอนได้พร้อมกับทีมของตน ทั้งๆ ที่อาจไม่เคยไปอังกฤษด้วยซ้ำ แต่ความผูกพันกับแบรนด์ก็เกิดขึ้นได้ เพราะได้เห็น Passion เสน่ห์และหลงใหลถึงขั้นเป็นสาวกของทีมนั้นไปแล้ว
     ในชีวิตจริงของคนเรา ถ้าเราเห็น Passion ในสิ่งที่ทำ ท่านก็จะทำจากใจ ทำได้อย่างหามรุ่งหามค่ำได้อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย มีความสุขที่ทำ ถ้าท่านเห็น Passion ในชีวิต เห็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิต ชีวิตนี้ก็มีสีสัน และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข

MARKETING Is all Around:
ดร.วิเลิศ ภูริวัชร
ภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
wilert@acc.chula.ac.th
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 5 กุมภาพันธ์ 2555, หน้า 6

***************************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

090-8891750 , 089-1105477

วันอังคารที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2556

การคำนวณต้นทุน ขายสินค้าใน eBay


การคำนวณต้นทุน การขายในอีเบย์มี 2 แบบ

การขายแบบ BID นั้น จะมีค่า ธรรมเนียม 3 อย่างมาเกี่ยวข้อง
1. ค่า insertion fee อันนี้ เรียกเก็บตามมูลค่าสินค้าที่ลง ถือเป็นค่าวางสินค้าหน้า eBay
2. ค่า eBay Final Value fee อันนี้เรียกเก็บตามที่ราคาขายสุดท้ายเราลงไป ซึ่งหมายรวมทั้งค่าสินค้าและค่าขนส่ง รายการ เช่นราคาขาย 10USD ค่าขนส่ง 5USD ดังนั้นลูกค้าจะต้องโอนค่าสินค้าให้เราเป็นเงิน 15USD ดังนั้น Final value fee ประมาณ 9-10% จากมูลค่า 15USD นี้
3. ค่า Paypal fee ประมาณ 3% อันนี้ เป็นค่าธรรมเนียมที่ทาง paypal เรียกเก็บจากยอดการขายต่อ 1 รายการ เช่นราคาขาย 10USD ค่าขนส่ง 5USD ดังนั้นลูกค้าจะต้องโอนค่าสินค้าให้เราเป็นเงิน 15USD ดังนั้น paypal ก็คิดค่าธรรมเนียมจากตรงราคานี้ค่ะ

     ส่วนที่หลายๆ คนจะได้รับข้อความแจ้งจาก message จาก eBay ว่ามีค่าลงสินค้า free จำนวน 50 listing นั้น มันคือโปรโมชั่นค่ะ ถ้าใครลงสินค้ารายการที่ 51 (เป็นต้นไป) แบบประมูล คุณก็ต้องเสียค่าธรรมเนียม Insertion fee ตามอัตราส่วนค่ะ

การคำนวณต้นทุนแบบ BIN / fix price
     ผู้ขายแบบ new seller account จะสามารถขายแบบ BIN ได้ เมื่อมีดาวโชว์ตรง DSR (detail seller rating) นะคะ   ซึ่งการขายแบบนี้ แบ่งเป็น 2 แบบดังนี้
1. ขาย BIN แบบที่ยังไม่เปิด store ซึ่ง eBay จะคิดค่า insertion fee รายการละ 0.50USD หรือประมาณ 15บาท 
2. ขาย BIN แบบที่เปิด Store ซึ่ง มีค่าแพ็คเก็จเปิด store ต่างหาก แต่ค่า Insertion fee จะเป็น 0.20USD 
แต่การขายแบบ BIN ก็มีค่า Fee มาเกี่ยวข้อง 3 ส่วน
1. ค่า Insertion fee ตามที่อธิบายด้านบนค่ะ
2. ค่า Final Value Fee ซึ่งคิดจาก Price + Shipping เช่น Price = 10USD และ shipping = 5USD ดังนั้นค่า final value fee จะคิดจาก 15USD เป็นฐาน
3. ค่า paypal fee
     ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะลงขายสินค้าแบบ BID หรือ แบบ BIN ก็ต้องเจอค่าธรรมเนียมเหมือนกันทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็คือ สิ่งที่ อ.โจ และเหล่าโค้ชของชมรมคนรักอีเบย์ มักพร่ำบอกกับนักเรียนว่าการทำ data mining หรือ advance search นั้นสำคัญมาก เพราะหากเราขายสินค้าที่เราอยากขาย แต่คนซื้อใน ebay ไม่อยากซื้อ 
** ก็เท่ากับว่าเราลงขายแบบเสียค่าธรรมเนียมฟรีๆ แถมเสียเวลาอีกต่างหาก
พบกับวิธีการคิดคำนวณค่าธรรมเนียมทั้ง ebay และ paypal ได้ที่นี่ค่ะ
http://ebayloverclub.blogspot.com/2012/10/ebay.html

ที่มา : http://www.facebook.com/eBayLover


***************************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

090-8891750 , 089-1105477

วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2556

แนวโน้มการค้าออนไลน์ไทยปี 2013

     การค้าบนโลกออนไลน์ของไทยตอนนี้เติบโตไปอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 2012 ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปมากเลยทีเดียว เป็นปีที่มีการพัฒนาระบบพื้นฐานที่สนับสนุนการค้าออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การขนส่งสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น ระบบชำระเงินที่หลากหลาย พฤติกรรมคนไทยที่เริ่มจับจ่ายซื้อของออนไลน์มากขึ้น และผู้ให้บริการ E-Commerce ที่เริ่มมีมากขึ้นจากปีก่อนๆ ผมมองว่ามันยังอยู่ในช่วงการเริ่มต้นเท่านั้น แต่หากเราจะลองมาดูว่าอะไรคือแนวโน้มหรือเทรนด์ของอีคอมเมิร์ซของประเทศไทยในปี 2013 จากประสบการณ์และมุมมองของผมเอง ผมว่ามันจะสร้างความได้เปรียบให้กับคุณได้มาเลยทีเดียวเชียวล่ะ หากคุณสามารถนำมันมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของคุณได้ก่อนคนอื่นๆ

เจาะเทรนด์แนวโน้มการค้าออนไลน์ไทยปี 2013 (Thailand E-Commerce Trend 2013)
1. พฤติกรรมคนไทยจะซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น (Online Shopping Behavior Shift)
     ปี 2012 มีคนไทยใช้อินเทอร์เนต มากกว่า 25 ล้านคน และตอนนี้มีสินค้าของผู้ประกอบการไทยที่แสดงขายกันในโลกออนไลน์มีมากกว่า 10 ล้านรายการแล้ว โดยมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การค้นหาซื้อสินค้าทางออนไลน์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสำหรับทุกๆ คนในประเทศ สิ่งที่เห็นได้ชัดจากการสำรวจของทางเนคเทค (NETEC) พบกว่าคนไทยซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นจาก 47.8% เป็น 57.2% และตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการออนไลน์ก็เติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน ทำให้เห็นได้ชัดว่า พฤติกรรมของคนไทย เริ่มค้นหาสินค้าและจับจ่ายผ่านทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอีกทั้งการเปิดรวมกันของกลุ่มประเทศอาเซียนหรือ AEC จะยิ่งทำให้โอกาสการค้าขายทางออนไลน์เปิดกว้างมากขึ้น และขยายโอกาสเข้าสู่คนมากกว่า 600 ล้านคนเลยทีเดียว ช่องทางออนไลน์คือช่องทางเดียว มีประหยัดค่าใช้จ่ายแต่มีศักยภาพในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจในทางตรงได้ทันที

คำแนะนำ : หากธุรกิจของคุณยังไม่มีหน้าเว็บไซต์ไว้ขายสินค้า คงต้องได้เวลาเตรียมอย่างเป็นกิจจะแล้ว เพื่อรองรับกับความต้องการ รวมถึงการมีหลายภาษาอย่างภาษาอังกฤษในการเปิดโอกาสให้คนต่างชาติสามารถเข้ามาซื้อสินค้าของคุณได้

2. จากแค็ตตาล็อกออนไลน์สู่ร้านค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ (E-Catalog move to E-Tailor)
     ตอนนี้ปัจจุบันเว็บไซต์จำนวนมากของหลายธุรกิจของไทย ยังคงเป็นในรูปแบบ เว็บไซต์ให้ข้อมูลบริษัท (Corporate Web Site) หรือ เป็นเพียงแค่แค็ตตาล็อกสินค้า (Catalogue Web Site) ที่ไม่สามารถทำการสั่งซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ได้ทันที ต้องโทรหรือติดต่อไปผ่านทางช่องทางอื่นแทน ซึ่งจะทำให้สูญเสียโอกาสการขายสินค้าไปอย่างมาก เพราะในโลกออนไลน์หากคุณปล่อยให้ลูกค้าต้องโทรติดต่อ หรือติดตามคุณ นั้นหมายถึงโอกาสที่คุณจะสูญเสียลูกค้าเหล่านั้นมีสูงมากกว่า 50% แต่หากธุรกิจของคุณมีระบบการค้าออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถคลิกสั่งซื้อสินค้าของธุรกิจของคุณได้ทันที นั้นหมายถึงคุณจะสามารถปิดการขายลูกค้าได้ทันที เป็นเป็นช่องทางที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วประเทศและทั่วโลก ไม่ต้องมีคนมานั่งเฝ้าตลอดเวลา ดังนั้นปี 2013 จะเป็นปีที่หลายๆ ธุรกิจไทย เริ่มเห็นถึงศักยภาพของการค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะเริ่มมีหลายคนเริ่มประสบความสำเร็จและสามารถเพิ่มยอดขายได้มากมาย ผ่านช่องทางนี้ ทำให้หลายธุรกิจจะเริ่มเปลี่ยนจากเว็บไซต์รูปแบบเดิมๆ เข้าสู่เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์(E-Tailor) เต็มรูปแบบมากขึ้น

 คำแนะนำ : สร้างเว็บไซต์ของคุณให้รองรับการซื้อสินค้าออนไลน์ทันที นึกไม่ออกลองไปใช้บริการฟรี ของ TARAD.com ได้ได้ครับ 

3.สินค้าอุปโภคบริโภคจะเริ่มเข้าสู่โลกการค้าออนไลน์มากขึ้น (FMCG Goods Go Online)
     จากเดิมที่สินค้าอุปโภคบริโภค (Fast Moving Consumer Goods - FMCG) จะเน้นการตลาดในการสื่อสารในการสร้างแบรนด์และโปรโมชั่นแล้วดึงคนให้ไปซื้อตามจุดขายต่างๆ เป็นหลัก แต่ปี 2013 จะเป็นปีที่ สินค้าหลายๆ ตัวจะเริ่มต้นการใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางการขายสินค้าเพิ่มมากขึ้น และใช้การตลาดออนไลน์เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดยอดขาย ผ่านไปยังกลุ่มเป้าหมายลูกค้าทั่วประเทศ โดยแนวโน้มนี้จะเห็นได้จากสินค้าหลายๆ ตัวที่เริ่มมีการขายในโลกออนไลน์แล้ว เช่น เถ้าแก่น้อย, สินค้าของค่ายแบรนด์ เป็นต้น

คำแนะนำ : ออนไลน์คือช่องทางที่มีศักยภาพในการเข้าถึงคนเป็นจำนวนมาก การสร้างแบรนด์หรือการจดจำอย่างเดียวอาจจะไม่พอ มันสามารถสร้างต่อเนื่องไปถึงการสร้างยอดขายได้ทันที อยากให้ลองครับ

4. คนไทยจะช๊อปผ่านมือถือและแท็ปเล็ตเพิ่มมากขึ้น (Growth of Mobile Commerce)
     ปี 2013 จะเป็นปีที่ 3G แท้ๆ ของไทยจะได้ออกมายลโฉมกันจริงๆ ซักที และราคาจะถูกลงด้วย และมือถือและอุปกรณ์พกพาราคาจะถูกลง ฉลาดและเก่งมากขึ้น มือถือในมือคนไทยจะต่ออินเทอร์เน็ตได้เพิ่มมากขึ้น คนไทยจะเริ่มเปลียนพฤติกรรมใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือกันมากขึ้น  แน่นอนเมื่อเค้าใช้มากขึ้น การซื้อสินค้าผ่านช่องทางนี้ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างเช่นกัน  ทำให้เราก้าวเข้าสู่ ยุคที่ 4 ของอีคอมเมิร์ซอย่างเต็มตัว (http://www.pawoot.com/thailand-E-Commerce-Generatio) อย่างตอนนี้ จำนวนคนใช้มือถือและอุปกรณ์พกพาเข้ามาที่ TARAD.com มากถึง 30% ของจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ทั้งหมด และมียอดขายที่เกิดขึ้นผ่านช่องทางนี้ 11% และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกๆ เดือน เป็นช่องทางที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

คำแนะนำ : เริ่มสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบที่เหมาะสมสำหรับมือถือ (Mobile Site) นอกเหนือจากการสร้างเว็บไซต์ อย่าเพิ่งไปสร้างแอพ เพราะจากข้อมูลทั่วโลก พบว่าคนใช้เว็บบนมือถือมากกว่าแอพในการซื้อสินค้า และการเชื่อมโยงจะทำได้ดีกว่า (หากเป็นแอพ คุณต้องกระตุ้นให้คนโหลดแอพอีก แต่หากเป็นหน้าเว็บสำหรับมือถือมันเข้าได้ทันที)

5. การชำะเงินผ่านบัตรเดบิต (บัตรเอทีเอ็ม) จะเติบโตมากขึ้น (Raise of Debit Card Payment)
     ในปี 2012 เป็นปีที่หลายๆ ธนาคารเริ่มหันมาเปิดให้ บัตรเดบิต (Debit Card) หรือบัตรเอทีเอ็ม สามารถใช้ซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้เหมือนบัตรเครดิต ทำให้กลุ่มคนที่ถือบัตรเดบิตที่มีมากกว่า 35 ล้านใบทั่วประเทศ ที่จะเป็นกลุ่มคนที่มีความหลากหลายมากขึ้น เช่นเด็กวัยรุ่น และคนทั่วไป ซึ่งจะมีจำนวนมากกว่าคนที่ถือบัตรเครดิตที่มีเพียง 14 ล้านใบเท่านั้น กลุ่มคนจำนวนมากเหล่านี้จะสามารถจับจ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้มากขึ้น ดังนั้นในปี 2013 จึงเป็นปีที่ คนไทยเกือบครึ่งประเทศสามารถซื้อสินค้าออนไลน์และจ่ายผ่านทางออนไลน์โดยบัตรเดบิตได้ทันที

คำแนะนำ : เตรียมเว็บไซต์ของคุณให้รองรับการชำระเงินผ่านบัตรเดบิต และเตรียมแคมเปญและการตลาดกระตุ้นให้ลูกค้ากลุ่มที่มีบัตรเดบิต ใช้จ่ายและซื้อสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ของคุณ  ติดต่อธนาคารหรือผู้ให้บริการชำระเงินออนไลน์ดูครับ

 6. บริการขนส่งและชำระเงินที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น (Better shipping and payment service quality)
     เราจะเริ่มเห็นการขนส่งสินค้าช่องทางใหม่ๆ นอกเหนือจากบริการของไปรษณีย์ไทย ตอนนี้บริษัทที่ให้บริการขนส่งต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศเริ่มหันมามองและลงทุนกับการขนส่งสินค้าให้กับธุรกิจประเภทอีคอมเมิร์ซมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งบางแห่งจะเริ่มมีบริการฝากสินค้าในคลัง (Warehouse) เพื่อให้บริการแบบครบวงจรทั้งเก็บและจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าทันที หรือเรียกว่า “ระบบจัดการคลังและการส่งสินค้า (Service Fulfilment)” และบางแห่งจะเริ่มมีการให้บริการ “เก็บเงินปลายทาง (Cash on Delivery – COD) ซึ่งการจ่ายเงินรูปแบบนี้ ค่อนข้างจะถูกใจผู้ซื้อคนไทยเป็นจำนวนมาก

คำแนะนำ : ปรับปรุงบริการจ่ายเงินและการขนส่งสินค้าของธุรกิจของคุณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยสิ่งที่แนะนำมา สิ่งเหล่านี้มีจะผลทางตรงกับการยอดขายทางออนไลน์ 

7. โซเชี่ยลมีเดียสื่อและช่องใหม่ในการสร้างยอดขาย (Social Media Communication Strategy)
     เดียวนี้คนไทยหลายคนเริ่มหันมาใช้โซเชี่ยลมีเดียกันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังเป็นช่องทางที่แทบจะไม่ต้องจ่ายเงินหรือมีค่าใช้จ่าย ทำให้การใช้ช่องทางนี้ เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าจึงเป็นช่องทางที่ได้ผลในด้านการเพ่ิมยอดขายให้กับธุรกิจการค้าออนไลน์มากขึ้น แต่ควรจะมีกลยุทธ์และวิธีการสื่อสารผ่านทางโซเชี่ยลมีเดียที่มีชั้นเชิง รวมถึงการเลือกใช้โซเชี่ยลมีเดียตรงกลับกลุ่มเป้าหมาย เพราะเดียวนี้นอกเหนือจาก Facebook ยังมีอีกหลายบริการโซเชี่ยลเน็ตเวิรก์ เช่น Twitter, Instgram, Line ที่สามารถใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน

คำแนะนำ : วางแผนกลยุทธ์การใช้โซเชี่ยลมีเดียกับการค้าทางออนไลน์ของคุณ อ่านเพิ่มเติม เจาะเทรนด์กลยุทธ์ Social Media ไทยในปี 2013 (http://www.pawoot.com/social-media-trend-2013)

8. การแข่งขันด้านโปรโมชั่นและการตลาดทางออนไลน์ (Online Promotion and Online Marketing)
     ในหลายๆ ปีทีผ่านมา การค้าทางออนไลน์ยังไม่มีลูกเล่นหรือโปรโมชั่นลด-แลก-แจก-แถมเท่าไร แต่ในปี 2013 เราจะเริ่มเห็นเว็บไซต์หลายๆ เริ่มจัดโปรโมชั่นผ่านทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อเรียกและกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าทางออนไลน์กันมากขึ้น รวมถึงการตลาดทางออนไลน์ที่จะเริ่มมีหลายธุรกิจเริ่มหันเข้ามาใช้มากขึ้น โดยช่องทางที่ได้ผลในการทำการตลาดออนไลน์สำหรับการเพิ่มยอดขายที่ได้ผล ได้แก่ การตลาดผ่านทางอีเมล์, การตลาดผ่าน Search Engine, การตลาดผ่านทางโซเชี่ยลมีเดีย เป็นต้น ซึ่งหลายธุรกิจจะเริ่มปันเม็ดเงินงบการตลาดมาลงในช่องทางออนไลน์มากขึ้น เพราะเป็นช่องทางที่สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และสามารถวัดผลได้แม่นยำ ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุนในการตลาดทางด้านนี้ หลังจากหลายๆ ธุรกิจทีได้ลองจะติดใจ และจะเพิ่มเม็ดเงินงบประเมินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปปีต่อไป

คำแนะนำ : วางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่มีศักยภาพและการทำโปรโมชั่นสำหรับช่องทางออนไลน์โดยเฉพาะควบคู่กันไป จะทำให้การเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางนี้เติบไตได้อย่างไม่อยากเลย อ่านเทคนิคการเริ่มต้นวางแผนกลยุทธการตลาดออนไลน์ได้ที่ http://www.pawoot.com/e-marketing-startup

9. คนทำงานและธุรกิจด้าน E-Commerce จะเติบโตอย่างมาก (Resource and Business relate with E-Commerce will growth)
     เมื่อแนวโน้มการค้าออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างมากในประเทศไทย สิ่งที่ตามมาคือธุรกิจต่างๆ ก็อยากจะเริ่มต้นนำธุรกิจของตัวเองเข้าสู่การค้าออนไลน์ ซึ่งทำมีหลายวิธีเช่น หากเป็นองค์กรใหญ่ก็อาจจะมีการจัดตั้งคนทำงานหรือทีมงานที่ดูแลด้านนี้โดยเฉพาะ หรือหากเป็นธุรกิจขนาดเล็กก็จะเริ่มหาผู้ให้บริการที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของตัวเองสามารถเข้าสู่โลกออนไลน์ได้ด้วยความคุ้มค่ามากที่สุด ดังนั้นปี 2013 จะเป็นปีที่คนที่เรียนจบมา หรือทำงานด้านการค้าออนไลน์ จะเป็นที่ต้องการตัวของของธุรกิจต่างๆ รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับการค้าออนไลน์ หรือธุรกิจที่เกี่ยวข้อง จะเติบโตอย่างมาก เพื่อตอบรับกับความต้องการของธุรกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว  และนอกจากนี้ เราจะยังเห็นการเข้ามาของธุรกิจการค้าออนไลน์ต่างประเทศที่จะเริ่มบุกและรุกเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น

คำแนะนำ : หากยังไม่รู้จะเรียนอะไร การเรียนทางด้านสายการค้าออนไลน์จะมีแนวโน้มดีอย่างมาก และการทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าออนไลน์ ก็จะมีโอกาสเติบโตมากเช่นเเดียวกัน

     จะเห็นได้ว่าในปี 2013 รูปแบบการค้าทางออนไล์ของไทยจะเปลี่ยนรูปแบบและพัฒนาจากรูปแบบเดิมไปอย่างมาก ดังนั้นการปรับตัวและการเข้าสู่โลกการค้าออนไลน์ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณต้องการเพ่ิมศักยภาพการแข่งขันและการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้นธุรกิจของคุณ ดังนั้นลองพิจาณาดูจาก 9 ข้อที่อ่านมาว่า คุณจะสามารถเริ่มต้นทำในข้อไหนได้บ้าง อ่านข้อไหน ลงมือทำมันจึงจะเกิดผลครับ เชื่อผมเหอะ…

ขอบคุณที่มา : www.pawoot.com

***************************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

090-8891750 , 089-1105477

    วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2556

    สินค้าห้ามขาย และจำกัดการขายใน eBay

         ก่อนประกาศขายสินค้าของคุณ คุณจำเป็นต้องตรวจสอบว่าสินค้าของคุณอนุญาตให้ขายบนอีเบย์หรือไม่ และสินค้านั้นมีข้อจำกัดเฉพาะอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดตามมา ในฐานะผู้ขายสินค้าบนอีเบย์ คุณจะต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบว่าสินค้าที่ขายนั้นถูกต้องตามกฎหมาย

    การฝ่าฝืนนโยบายเหล่านี้อาจจะเกิดผลตามมาได้หลายอย่างรวมไปถึง :
    • การยกเลิกรายการประกาศขาย
    • การจำกัดสิทธิการใช้งานแอคเคานต์
    • การระงับใช้งานแอคเคานต์
    • ยึดค่าธรรมเนียมรายการประกาศขายที่ถูกยกเลิก
    • สูญเสียสถานะ PowerSeller
         เมื่อมีการละเมิดนโยบาย อีเบย์จะอีเมล์แจ้งผู้ขายและผู้ประมูล ว่าการประกาศขายสินค้าถูกปิดลงแล้ว คุณจะต้องติดต่ออีเบย์เพื่อรายงานการละเมิดนโยบายโดยใช้ลิงค์ “รายงาน” หรือ “ติดต่อเรา” ที่อยู่ในหน้านโยบายส่วนใหญ่

    ทำความเข้าใจกับกฎเกี่ยวกับสินค้าที่ห้ามขายและถูกจำกัดการขาย
    • นโยบายเกี่ยวกับการประกาศขายสินค้ามักจะขึ้นอยู่กับกฎหมายของประเทศและรัฐ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อห้ามต่างๆ ในการขายสินค้าที่อาจทำให้เกิดความขัดแย้งหรือสินค้าที่มีความละเอียดอ่อนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเสมอไป ข้อจำกัดเหล่านี้สร้างขึ้นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องหลายฝ่าย รวมถึงผู้คนในชุมชนอีเบย์ ดูตัวอย่างและรายละเอียดได้ที่ นโยบายสินค้าหมิ่นประมาท
    • เมื่อขายสินค้าข้ามประเทศ โปรดระมัดระวังข้อบังคับสำหรับ การค้าขายระหว่างประเทศ และ ข้อจำกัดในการนำเข้า สินค้าบางชนิดอาจถูกกฎหมายในประเทศของคุณ แต่อาจผิดกฎหมายประเทศอื่น
    • แม้สินค้าบางชนิดจะถูกจัดไว้เป็นสินค้าต้องห้ามในรายการต่อไปนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะขายไม่ได้เลย ตัวอย่างเช่น ใน นโยบายอุปกรณ์การแพทย์ ที่ห้ามขายสินค้าหลายชนิด (เช่น คอนแทคเลนส์) แต่ก็ยังมีสินค้าหลายชนิดที่ขายได้ ในบางกรณี (เช่น อุปกรณ์การแพทย์อื่นๆ) หากมีข้อสงสัย โปรดอ่านหน้าเว็บนโยบายอย่างระมัดระวัง หน้าเว็บนโยบายจะมีรายละเอียดในหัวข้อข้อมูลเพิ่มเติมและตัวอย่าง หมายเหตุ: ตัวอย่างเหล่านี้ได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อช่วยอธิบายนโยบายและไม่ได้หมายความว่าข้อห้ามจะสิ้นสุดลงเท่านี้
    • นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบกฎการประกาศขายสินค้าและกฎเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อตรวจสอบว่าสินค้าของคุณมีข้อจำกัดเพิ่มเติมหรือไม่
    สินค้าห้ามขายและสินค้าที่จำกัดการขาย: (คลิกที่หัวข้อเพื่อดูรายละเอียด)
    ขอบคุณที่มา : http://education.ebay.co.th


    ***************************************
    --------------------- ---------------------- ----------------------
    ...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
    ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
    ..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

    ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

    สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
    ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

    สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

    090-8891750 , 089-1105477

    วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

    ค่าธรรมเนียมการขายสินค้าใน eBay อีเบย์



    ค่าธรรมเนียมการขายอีเบย์ 

         การขายบนอีเบย์ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูงอย่างที่คุณคิด เมื่อคุณแปะขายสินค้าบนอีเบย์ คุณจะถูกคิดค่าแปะประกาศขายสินค้า ถ้าหากสินค้าขายได้ ก็จะมีค่าธรรมเนียมเมื่อขายของได้ ค่าใช้จ่ายรวมของการขายสินค้าก็คือค่าแปะประกาศขายสินค้าบวกค่าธรรมเนียมเมื่อขายของได้ 

         โครงสร้างของค่าธรรมเนียมพื้นฐานขึ้นอยู่กับรูปแบบของการแปะขายสินค้าที่คุณใช้ 

    ค่าแปะประกาศขายสินค้า 
    • ค่าแปะประกาศขายสินค้าคือค่าธรรมเนียมการแปะขายสินค้า ที่อีเบย์คิดราคาสำหรับการแปะขายสินค้าของคุณ 
    • ค่าธรรมเนียมอันนี้จะถูกคิดไปยังบัญชีผู้ขายของคุณในขณะที่มีการแปะขายสินค้า 
    • ด้วยการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ คุณจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการแปะขายสินค้าแบบพื้นฐานนี้ ถึงแม้ว่าสินค้าของคุณจะขายไม่ได้ก็ตาม ถ้าหากสินค้าของคุณขายได้ ค่าธรรมเนียมเมื่อขายของได้จะถูกคิดไปยังบัญชีผู้ขายของคุณ 
    • ค่าแปะประกาศขายสินค้าจะไม่มีการคืนเงิน
    ค่าธรรมเนียมเมื่อขายของได้ 
         เมื่อสินค้าของคุณขายได้หรือยุติด้วยการประมูลที่มีผู้ชนะ บัญชีผู้ขายของคุณจะถูกคิดค่าธรรมเนียมเมื่อขายของได้โดยดูจากหมวดหมู่และราคาขายสุดท้ายของสินค้า

    สามารถตรวจสอบค่าธรรมเนียมของอีเบย์: โดย login เข้าไปที่ web eBay ของคุณ เลือกเมนู 

    Home > Help >Selling & seller fees>Seller fees & invoices>Standard selling fees

    ขอบคุณที่มา  http://export.ebay.co.th/



    ***************************************
    --------------------- ---------------------- ----------------------
    ...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
    ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
    ..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

    ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

    สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
    ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

    สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

    090-8891750 , 089-1105477

    วันศุกร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2556

    5 ขั้นตอนให้แบรนด์ถูกบอกต่อ


         ในภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ดแบบนี้การตัดสินใจลงทุนทำอะไรสักอย่างนับเป็นเรื่องสร้างความลำบากใจให้กับผู้ประกอบการไม่น้อย โดยเฉพาะการกระตุ้นยอดขายด้วยการโฆษณาผ่านช่องทางจำพวกสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ อินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมต่างๆ ล้วนแล้วแต่นำมาซึ่งภาระค่าใช้จ่ายที่หนักหนาเอาการ ทั้งยังไม่อาจมั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ากลวิธีการโฆษณาที่ตัดสินใจลงทุนไปจะได้ผลจริงหรือไม่ ผู้ประกอบการหลายรายจึงหันมาพึ่งวิธีดั้งเดิมที่เรียกว่าการตลาดแบบปากต่อปาก หรือ Word of Mouth Marketing
         การตลาดแบบปากต่อปากเริ่มจากการที่คนส่วนใหญ่มักเชื่อสิ่งที่ได้ยินได้เห็นเองมากกว่าการเห็นผ่านสื่อ หากคุณเป็นผู้หนึ่งที่ค้าขายสินค้าผ่าน เวปออนไลน์ แบบ eBay.com นั้น คุณจะพบกลยุทธ์ที่เจ้าของเวปนี้คิดไว้ได้แยบยลจนทำให้มีผู้คนมากมาย ในระดับที่มีคุณภาพเข้ามาซื้อสินค้าใน eBay.com เป็นอย่างมาก กลยุทธ์ที่ว่าคือการให้ Feedback ซึ่งจะเป็นการบอกกล่าว หรือ คำชม ของลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากผู้ขายในร้านนั้นๆ ของ eBay ไปยังเจ้าของร้านค้านั้นๆ ประหนึ่งเป็นการบอกต่อไปยังผู้ที่สนใจซื้อคนอื่นๆ ที่จะมาซื้อสินค้าจากผู้ขายร้านนี้ และด้วยเหตุผลนี้นี่เองจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ใช้การันตีคุณภาพผู้ขายใน eBay.com ได้ในตัวด้วย
         สิ่งจูงใจในการทำการตลาดรูปแบบนี้นอกจากประหยัดและรวดเร็วแล้วคือ “ตรงกลุ่มเป้าหมาย” นั่นเอง เพราะผู้บริโภคมักจะแนะนำสินค้าที่ตนประทับใจให้คนรอบตัว หรือ คนที่มีประสบการร์ต่อผู้ขาย หรือ ผู้ให้บริการสินค้านั้นๆ
         การตลาดในรูปแบบนี้จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย และหากผู้ประกอบการตัดสินใจจะใช้การตลาดแบบปากต่อปาก สิ่งที่ต้องทำมีดังนี้
    ต้องจัดอบรมพนักงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถให้ข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
    หาผู้บอกต่อ (Talkers)
         ผู้บอกต่อคือผู้ที่เชื่อมั่นและภักดีในแบรนด์ของเรา ทั้งยังสามารถทำหน้าที่แนะนำสินค้าและบริการให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการได้ ผู้บอกต่อนั้นแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ
    • ผู้บอกต่อภายนอกหรือผู้บริโภค การจะสร้างสัมพันธ์กับผู้บอกต่อภายนอก เราต้องไม่เน้นเรื่องการขายมากเกินไป แต่ควรเน้นไปทางสร้างมิตรภาพจะดีกว่า เพราะหากเราชนะใจลูกค้าได้ เขาก็จะสนใจแบรนด์ของเราเอง นอกจากนี้การส่งเสริมการขายต่างๆ ด้วยการแจกของรางวัล บัตรกำนัล บัตรสมาชิก คูปองส่วนลด หรือสินค้าทดลองก็ยังสร้างความประทับใจและดึงดูดผู้บริโภคให้กลายเป็นผู้บอกต่อ เพราะการได้รับสิ่งของเหล่านั้นทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษสำหรับแบรนด์
    • ผู้บอกต่อภายในคือทุกคนที่มีส่วนร่วมในการดำเนินกิจการของเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานระดับปฏิบัติการไปจนถึงตัวแทนจำหน่าย ถือเป็นผู้มีบทบาทเป็นอย่างมาก เพราะเป็นผู้คลุกคลีกับสินค้าและบริการโดยตรง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องจัดอบรมเพื่อให้พวกเขาสามารถให้ข้อมูลผู้บริโภคได้อย่างถูกต้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ควรส่งเสริมความก้าวหน้าทางอาชีพ รวมไปถึงการให้พวกเขาได้มีโอกาสทดลองใช้สินค้าและบริการเพื่อจะได้แนะนำให้คนรู้จักลองใช้งาน ซึ่งอาจกลายเป็นผู้บอกต่อภายนอกในวันข้างหน้าก็ได้

    หาสิ่งที่คุณต้องการบอกต่อ (Topics)
         เมื่อหาผู้บอกต่อได้แล้ว สิ่งที่เราต้องทำต่อไปคือต้องค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องการให้เผยแพร่ อาจเป็นสโลแกนของแบรนด์ โลโก้ มาตรการส่งเสริมการขายเฉพาะจำพวกส่วนลดหรือสิทธิพิเศษ ไปจนถึงลักษณะเฉพาะต่างๆ ซึ่งหัวข้อของสิ่งที่เราต้องการบอกควรเป็นในแง่บวก เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร ทั้งยังต้องเข้าใจง่าย เพราะถ้าหากหัวข้อดังกล่าวยากเกินไปก็จะเผยแพร่ได้ยากและอาจไม่ได้ผลเท่าที่ควร อีกข้อหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือสิ่งที่เราต้องการเผยแพร่นั้นต้องมีความน่าสนใจ เพราะลำพังแค่สินค้ามีคุณภาพดีอาจไม่ทำให้ผู้บริโภคสนใจจนอยากบอกต่อ เราอาจใช้วิธีปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ให้ดูเก๋ไก๋เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจก็ได้

    หาวิธีที่จะใช้บอกต่อ (Tools)
         เราต้องเฟ้นหาเครื่องมือหรือช่องทางการสื่อสารที่จะทำให้การบอกต่อเป็นไปได้อย่างตรงจุด และที่สำคัญต้องสะดวกสบายสำหรับผู้บริโภคมากที่สุด เช่น การแจกส่วนลดผ่าน Twitter หรือการให้คำแนะนำผ่านเว็บไซต์บริษัท การให้ข้อมูลผ่านการทำวิจัยกลุ่มตัวอย่าง เป็นต้น เรื่องน่ารู้อีกประการหนึ่งเกี่ยวกับช่องทางการบอกต่อก็คือ การสื่อสารผ่านทางจดหมายถือเป็นการรบกวนผู้บริโภคอย่างสุภาพและเปิดใจผู้บริโภคได้ดีกว่าการใช้โทรศัพท์
    ควรติดต่อลูกค้า 2-3 เดือนก่อนสินค้าจะหมดประกันเพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มไม่มั่นใจในสินค้าของเรา ดังนั้นควรทำให้เขารู้สึกว่าเรายังใส่ใจ
    เข้าไปมีส่วนร่วมในการบอกต่อ (Taking Part)
         จริงๆ แล้วการทำการตลาดแบบปากต่อปากจัดเป็นส่วนหนึ่งของงานลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Services) หรือการบริการหลังการขาย ถือเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด เพราะผู้ประกอบการหรือฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ต้องลงพื้นที่ไปพบกับผู้บริโภคตัวจริงเพื่อสนับสนุนแบรนด์ผ่านการสนทนากับพวกเขา เพื่อตอบข้อสงสัย รวมไปถึงการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปพบลูกค้า พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ ตอบข้อความผ่านบล็อกหรือเว็บบอร์ด ซึ่งเป้าหมายก็คือเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคเผยปัญหาที่แท้จริงออกมาแลัวจึงเร่งแก้ไขทันที
    อีกทั้งต้องทำให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก ช่วงเวลาที่เราควรจะติดต่อพวกเขามากที่สุดคือ 2-3 เดือนก่อนสินค้าจะหมดประกัน เพราะเป็นช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มไม่มั่นใจในสินค้าของเรา ดังนั้นควรทำให้เขารู้สึกว่าเรายังใส่ใจ เพราะท้ายที่สุดแล้วเมื่อเขาประทับใจก็จะกลายมาเป็นผู้บอกต่อในอนาคตของเรานั่นเอง

    ประเมิณผลของการบอกต่อ (Tracking)
         รวบรวมข้อมูลทั้งหมดแล้วประเมินดูว่าผู้บริโภคมีความเห็นอย่างไรต่อสินค้า บริการ การทำการตลาด ตลอดจนถึงองค์กร เพื่อชี้วัดว่าการทำการตลาดแบบปากต่อปากประสบผลสำเร็จหรือไม่ ข้อมูลดังกล่าวยังบอกได้ว่าผู้บริโภคเข้าใจตรงกับที่เราต้องการหรือไม่ ซึ่งเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการพัฒนากลยุทธ์การตลาดต่อไปได้อีกด้วย
    สิ่งที่คุณควรรู้ข้อหนึ่งของการทำการตลาดแบบปากต่อปาก คือ ข่าวด้านลบมักแพร่ได้เร็วกว่าข่าวด้านดีหลายเท่าตัว
         สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่บวกับการทำการตลาดแบบปากต่อปากคือข่าวด้านลบมักแพร่ได้เร็วกว่าข่าวด้านบวกหลายเท่าตัว แต่ก็ใช่ว่าข่าวด้านลบจะไม่เป็นประโยชน์เลย ยกตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมีต้นทุนการสร้างจำกัดจึงแกล้งปล่อยข่าวคาวของดาราและภาพหลุดต่างๆ ออกมา พอสื่อเอาไปลงข่าว ผู้อ่านก็สนใจ และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ สุดท้ายผู้คนก็พากันไปดูว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ กลายเป็นว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทำเงินทั้งที่แทบไม่ได้ลงทุนโปรโมตอะไรมากมาย เพราะคนมักจะให้ความสนใจกับข่าวลือโดยเฉพาะข่าวด้านลบกันอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ดารา นักการเมือง ไฮโซ ไปจนถึงหมอดู หลายๆ คนหยิบยืมกลยุทธ์การทำการตลาดรูปแบบนี้ไปเป็นใบเบิกทางสู่การสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง
         แม้ว่าข่าวลือเสียๆ จะเป็นประโยชน์กับเหล่าคนดัง แต่สำหรับผู้ประกอบการแล้วกลับตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง การมีข่าวลือด้านลบกลับไม่เป็นประโยชน์สำหรับกิจการเลย เพราะแม้ข่าวเสียๆ หายๆ นั้นจะทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วก็จริง แต่อย่าลืมว่าผู้บริโภคเลือกแบรนด์ของเราเพราะมันเป็น “เรื่องของเขา” โดยตรง ไม่ใช่ “เรื่องของคนอื่น” อย่างภาพยนตร์ ดารา นักการเมือง ไฮโซ หมอดูที่กล่าวไปข้างต้น และรับรองว่าไม่มีใครอยากเลือกสิ่งไม่ดีให้กับตนเองแน่นอน อย่างเช่น เมื่อหลายปีก่อนมีข่าวลือว่ามีคนเสียชีวิตเพราะดื่มเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพชนิดหนึ่ง ทำให้เครื่องดื่มที่ว่ากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ แต่ยอดขายก็ตกฮวบในทันทีเพราะคนเกินกว่าจะซื้อมาดื่ม
         เห็นได้ชัดว่าคนมักมองภาพลักษณ์ในด้านลบก่อนด้านดีเสมอ แม้ว่ามันจะมีอยู่เพียงเล็กน้อยก็ตาม ไม่ต่างจากการที่จุดดำจุดเล็กๆ จุดหนึ่งจะสังเกตได้ง่ายมากเมื่ออยู่บนแผ่นกระดาษขาว ดังนั้นหากเราจะออกรบในสนามธุรกิจด้วยอาวุธที่เรียกว่า “ปากต่อปาก”  เราจำเป็นต้องสร้างเกราะกันภัยให้กับตนเองเสียก่อน ซึ่งเกราะนั้นมีชื่อว่า “ภาพลักษณ์ที่ดี” นั่นเอง 
    ขอบคุณที่มา : INCquity
    ***************************************
    --------------------- ---------------------- ----------------------
    ...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
    ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
    ..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...

    ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น. 

    สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท 
    ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร

    สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด

    090-8891750 , 089-1105477








    บทความที่ได้รับความนิยม

    เกี่ยวกับฉัน

    รูปภาพของฉัน
    อาคารเจเจเอาท์เลท ชั้น 3 ถ.กำแพงเพชร 2, ภาคกลาง, Thailand
    สถาบันฝึกอบรมการสร้างธุรกิจส่งออกด้วยระบบออนไลน์แบบครบสูตร ผ่านเว็บขายสินค้า อีเบย์ ด้วยการสอนที่แตกต่าง และเน้นให้ท่านทำได้จริง-เห็นผลเร็ว โดยอาจารย์ผู้ผ่าน certified เป็น Instructor จาก Ebay USA (eBay Education Specialist) รวมถึงทีมอาจารย์ ที่พร้อมจะมาเป็นโค้ชใ ห้คำแนะนำแก่ท่านตลอดการอบรม

    บรรยากาศการเรียน

    บรรยากาศ workshop

    ตารางอบรมสำหรับนักเรียนของ ชมรมคนรักอีเบย์

    เนื้อหา ความรู้ และกิจกรรมในช่วงระยะเวลา 6 เดือน

    - วันแรกของการเรียน จะเป็นการเรียนรู้แนวคิด และเทคนิคที่สำคัญ เช่น

    · เทคนิคการค้นหาสินค้า และการวิเคราะห์หาสินค้าขายดี เมื่อจบวันนี้จะได้รายชื่อสินค้าขายดีจำนวนมาก

    · เทคนิคการตั้งราคาสินค้า

    · เทคนิคการเขียนคำอธิบายสินค้าให้ถูกใจลูกค้า และติดอันดับดีๆ

    · แนวคิดในการดูแลลูกค้า รวมทั้งการจัดการเมื่อเกิดปัญหากับลูกค้า

    · Drop Ship เบื้องต้น

    · การแก้ไขปัญหาสำหรับการลงทะเบียนเปิดบัญชีต่างๆ

    · เมื่อจบวันแรก ผู้เรียนจะได้รายชื่อสินค้าขายดี รวมทั้งแนวคิดและเทคต่างๆ ที่สามารถนำไปเริ่มใช้ได้ทันที

    - วันที่ 2 จนกระทั่งครบ 6 เดือน ในช่วงนี้จะเรียกว่าการ Workshop เป็นการเรียนแบบฝึกปฏิบัติจากงานจริง โดยมีทีมงานของอาจารย์คอยให้ทำปรึกษา และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

    · การลงทะเบียนเปิดร้าน, ลงทะเบียน Paypal สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน หรือผู้ที่ติดปัญหาจากวันแรก

    · การให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สำหรับบัญชีเก่าที่เกิดปัญหา

    · การให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญ Suspend, Limit ในการลงสินค้า

    · สอนหรือแนะนำการบรรจุ และห่อสินค้าที่จะจัดส่งให้ลูกค้า

    · ให้คำปรึกษาในการจัดส่งสินค้าที่ประหยัดที่สุด สำหรับสินค้าแต่ละชนิด

    · เรียนซ้ำ หรือทบทวนเทคนิค หรือแนวคิดต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจในวันแรก

    · สอนเทคนิคการถ่ายภาพสินค้าให้สวย

    · สอนเทคนิคการตกแต่งรูปภาพ

    · กิจกรรมพาทัวร์ซื้อสินค้าเพื่อนำไปลงประมูลขาย สำหรับมือใหม่

    · สอนทบทวน Drop Ship เบื้องต้น

    · สอนการทำ Drop Ship ขั้นสูง และเทคนิคการหาสินค้าและ Supplier ผู้ผลิตสินค้า

    · สอนเทคนิคการโปรโมทสินค้า สำหรับผู้ประกอบการที่นำสินค้าเข้ามาขายภายในประเทศ

    · Update เทคนิคหรือความรู้ใหม่ๆ

    · การให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักเรียนทุกคนจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

    ฯลฯ


    ** ชมรมคนรักอีเบย์ เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น. ยกเว้นวันพฤหัสบดี **

    ภาคปฏิบัติที่เปิดสอนทุกวัน
    10.30 – 12.30 ลงทะเบียน
    eBay&PayPal + ซื้อสินค้าชิ้นแรก

    13.30 – 15.30 เก็บข้อมูลลูกค้า + Packing

    15.30 – 17.30 ลงสินค้าชิ้นแรก + ถ่ายรูป

    Calendar Workshop Ebay Lover Club