ก่อนจะเข้าสู่คำว่า dropship คืออะไร เป็นยังไงนั้น เราลองมาดูภาพกว้างก่อน เริ่มจากโลกแห่งการค้าขาย ในโลกกลมๆ ใบนี้ มีผู้ที่เกี่ยวข้องคร่าวๆ อยู่ คือ ผู้ผลิต หรือ เรียกว่า supplier ก้ได้ ต่อมาก็คือ ผู้จำหน่าย ต่อมาก็ ผู้ทำช่องทางสำหรับค้าขาย ที่ให้ผู้ขายและผู้อยากซื้อมาเจอกัน หรือเรียกว่า place / channel เช่น ห้าง Union Mall, Central, The Mall หรือ หากเป็นในโลกออนไลน์ก็เช่น ebay.com, facebook.com, IG หรือ Lazada.com ต่อมา สุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือ ลูกค้า
โดยบุคลิกภาพรวมของผู้ผลิตนั้น มักจะทำการควบคุมสายการผลิต และผลิตในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ หากผู้ผลิตนั้นๆ มีช่องทางที่ได้ลูกค้าประจำและซื้อล็อคใหญ่ๆ ได้ยิ่งดี จะได้ผลิตเฉพาะสินค้าตัวนั้นๆ ป้อนให้กับลูกค้ารายนั้นๆ เต็มที่อย่างเดียว ซึ่งแค่การควบคุมสายการผลิตและต้นทุนการผลิตนั้น เจ้าของโรงงานหรือผู้ผลิตก็ปวดหัวอยู่แล้ว และยิ่งนับวันการแข่งขันยิ่งสูง ลูกค้าที่ซื้อล็อตใหญ่ประจำอาจมีโอกาสหลุดไปอยู่ในมือคู่แข่งเมื่อไหร่ก็ได้ ผู้ผลิตหลายๆ ราย เลยเริ่มมองหาช่องทาง / channel กระจายสินค้าด้วยวิธีอื่นๆ เพื่อ ทั้งเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย แถมมีรายได้ทางอื่นเป็นหลักประกันภัยไว้อีกทางนึง เจ้าของโรงงานบางแห่งเริ่มมองหา sale Freelance และ บางคนมองเห็นโอกาสจากโลกออนไลน์ อยากขายของในโลกออนไลน์แทบตาย แต่กลับไม่มีเวลามาศึกษาหาความรู้จริงๆ จังๆ ซักที
ทำไงดีล่ะ?? เมื่อผู้ผลิต อยากขยายช่องทางขายของในโลกออนไลน์อย่าง ebay.com
เมื่อเห็นว่า ebay.com มีสมาชิกอยู่มากกว่า 400 คนทั่วโลก ผู้ผลิตหลายรายก็มองเห็นโอกาสทางการตลาด แถม เห็นว่า ebay.com เป็นเวปที่มีความน่าเชื่อถือ แถมอยู่มานานหลายสิบปี ก็ยิ่งอยากเปิดโอกาสทางการตลาดมากขึ้น แต่แค่เอาเวลาไปคุมลูกน้องในโรงงาน คุมสายการผลิต คุมต้นทุนการผลิต ก็แทบไม่มีเวลาล่ะ
และแล้วก็มีคนผู้นึง (สมมติ ให้เหมือนเล่านิทานล่ะกันนะ) ขายของใน ebay มาระยะหนึ่ง อยากขยาย line สินค้าที่ขายอยู่ แล้วก็เผอิญรู้ว่า มีโรงงานซึ่งผลิตสินค้าออกมาเป็นที่ต้องการของลูกค้าเค้าพอดี เค้าก็ลองแนะนำตัวว่าเค้าเป็นผู้ขายของอยู่ใน ebay.com นะ ขายดีอยู่ด้วย สนใจจะเอาสินค้าของเฮียเจ้าของโรงงานผลิตนี้ไปลงขายสินค้า เฮียสะดวกใจมั้ย .. และแล้วเฮียเจ้าของโรงงานก็ รู้สึกว่าเหมือนมีฟ้ามาโปรด อยู่ๆ ก็มีคนมาเสนอขอเอาสินค้าเราไปขายให้ ประหนึ่งเป็น sale ขายของให้เรา โดยเราไม่ต้องลงทุนจ้าง .. อาเฮียเจ้าของโรงงานก็ยินดีต้อนรับคนผู้นั้นและทำข้อตกลงกันบางอย่าง
คนขายสินค้าใน eBay จึงได้สินค้าเพื่อขายเพิ่มขึ้น พร้อมๆ กับโรงงานของอาเฮียก็มีช่องทางขายเพิ่มขึ้น
แล้วทำไมคนซื้อไม่ติดต่อขอซื้อไปยังโรงงานเองโดยตรงล่ะ??
ลองนึกภาพว่าถ้าเราไปอยู่ในอเมริกา แล้วอยู่นอกชานเมืองออกไป หิมะกำลังตกหนัก วันนั้นคิดถึงบ้านที่เมืองไทยมากๆ ใจเลยนึกอยากกิน มาม่ารสต้มยำกุ้ง เราต้องโทรหรือ e-mail ไปขอซื้อจากโรงงานสหพัฒนพิบูลย์ จำกัด เองหรือไม่ เพื่อให้เค้าจัดส่งมาม่ามาให้เราซักซองที่อเมริกา หรือ เราจะฝ่าหิมะหนาเตอะ ออกไปเพื่อซื้อมาม่ามากินให้หายคิดถึงเมืองไทย
ดังนั้น เมื่อเราเป็นสมาชิกในเวป ebay.com เราก็กดค้นหาสินค้าในเวป แล้วเมื่อเจอคนขายที่มีความน่าเชื่อถือหน่อย เราก็ซื้อกับเค้าแล้วรอแค่ 7-12 วันข้างหน้าเราก็ได้กินมาม่าในราคาไม่แพงมาก (สินค้าบางรายการใน ebay ขายได้ราคาดีกว่าขายในเมืองไทย แต่ก็ยังราคาต่ำกว่าที่ซื้อในห้างของเมืองนอก)
สรุปว่า Dropship คืออะไรล่ะ???
Dropship ประกอบด้วย ผู้เกี่ยวข้อง 4 ส่วน
Dropship จึงหมายถึง การที่ผู้ขายสินค้าในเวปนึง เช่น ebay.com ได้นำภาพสินค้าและรายละเอียดของสินค้าจากผู้ผลิต มาลงขาย โดยผู้ขายนั่งกินกำไรส่วนต่างจากราคาต้นทุนที่ได้จากผู้ผลิตและราคาที่ตนเองขายได้ในหน้าเวป เช่น เราได้ราคาต้นทุน สำหรับกุ้งอบวุ้นเส้นกึ่งสำเร็จรูป มาจากโรงงานอาเฮียท่านนึง(Dropshipper) ในราคา 30 บาท (=1USD) และอาเฮียก็คิดคำนวณค่าขนส่งไปเมืองนอก สำหรับทุกประเทศใน rate เดียวกันคือ ซองละ 30 บาท (=1USD) แล้วเราเอาไปลงขายใน ebay.com ในราคา 5USD (=150 บาท) พอถึงเวลาเมื่อมีคนมาสั่งซื้อสินค้าในเวป ebay.com ที่หน้าร้านเรา เราก็เก็บเงินไว้เรา 3 USD (=90 บาท) แล้วทำการสั่งซื้อ สินค้ารายการเดียวกันนี้ไปยังอาเฮียเจ้าของโรงงานพร้อมแจ้งให้อาเฮีย จัดส่งสินค้าให้ลูกค้าเรา โดยมีข้อแม้กับอาเฮียว่า ทุกครั้งที่สั่งซื้อและส่งให้ลูกค้าเรา ต้องไม่ใส่ invoice หรือ ราคาขายต้นทุนไปลูกค้าด้วย
เมื่ออาเฮียเจ้าของโรงงานจัดส่งให้ลูกค้าเราแล้ว เราก็มาแจ้งให้ลูกค้าเราว่าของส่งแล้วเมื่อวันที่ นี้นี้.... ก็ถือเป็นอันจบกระบวนการ
ดูยุ่งยากยังไงไม่รู้ แล้ว dropship มีข้อดียังไงบ้างล่ะ??
- เราไม่ต้องมานั่งควบคุมการผลิตเองทั้งหมด และความคุมต้นทุนการผลิต บางคนมีความเด่นในเรื่องการผลิต บางคนเด่นในเรื่องการขาย เด่นคนละด้าน ใครเด่นด้านไหน ดูแลด้านนั้น ประมาณนี้ดีกว่า
- เราไม่ต้องเครียดกับการควบคุม บริหารจัดการเรื่อง stock สินค้า เพราะแทบไม่มีสินค้าอยู่ในมือเราเลย
- เราอาจไม่ต้องเสียเวลา ถ่ายรูปและทำคำอธิบายลักษณะสินค้าเองเลย แค่ทำในสิ่งที่เราคุ้นเคยเมื่อตอนเรียนหนังสือ แต่ตอนนี้เราเอามาใช้ให้ถูกทาง คือ การลอก copy ไง
- เราก็ไม่ต้องเสียเวลานั่งแพ็คของเอง ส่งของเอง ..
เหมือนจะมีข้อดี แล้วข้อเสีย หรือ ข้อควรระวังล่ะ มีไหม??
ข้อควรระวังอันดับแรก คือการคัดคุณภาพ supplier หรือ ผู้ผลิต ที่ต้องมีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือได้ เราสามารถวางใจได้ในระดับที่สูงพอสมควร ต่อมาอาจเป็นเรื่องของคุณภาพการจัดระบบ stock สินค้าของ supplier หรือ ผู้ผลิต ที่เราต้องคอยเช็คอยู่บ่อยๆ เพราะถ้า supplier หรือ ผู้ผลิต ที่ไม่มีคุณภาพมาทำหน้าที่ dropship ให้เรา นั่นอาจหมายถึง ของที่ไม่มีคุณภาพอาจส่งไปถึงมือลูกค้าเราได้ และเราอาจโดนลูกค้าตำหนิ เรื่องสินค้า จนอาจต้องรับผิดชอบในการคืนเงินให้แก่ลูกค้าไป
ฉะนั้นการทำ dropship ควรศึกษาจากผู้รู้หรือผู้ที่มีประสบการณ์มากๆ ในโลกการค้าออนไลน์ และมีประสบการณ์ทำ dropship มา จะเป็นการดียิ่ง เพื่อลดความเสี่ยงธุรกิจออนไลน์ของเราได้
และนี่คือ เรื่องราวของคำว่า Dropship และขอย้ำว่า Dropship คือโลกออนไลน์ที่โด่งดังมากพอสมควรในเวลานี้ (โดยเฉพาะในสิงคโปร์) แต่การจะทำ Dropship ได้ควรมีผู้รู้จริงมาช่วยลดความเสี่ยงของธุรกิจคุณจะดีกว่า
****************************
--------------------- ---------------------- ----------------------
...พบเทคนิค การซื้อ - ขายสินค้า
ใน eBay อย่างไรให้รวย!...
..พบคอร์ส "อบรม อีเบย์ eBay เบื้องต้น" ฟรี!!...
ทุกวันเสาร์ 2 รอบ เวลา 9:00 น. , 14:00 น.
สถานที่ : ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 3 อาคารเจเจเอ้าท์เล็ท
ตรงข้ามห้างเจเจมอลล์ ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน MRT กำแพงเพชร
สำรองที่นั่งด่วน รับจำนวนจำกัด
090-8891750 , 089-1105477
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น