วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

นอนกับผียังดีกว่านอนกับอวิชชา โดย พุทธทาสภิกขุ

อวิชชา ไม่ใช่ความไม่รู้ (แต่อย่างเดียว) "

ที่เรียกว่าอวิชชานั้นน่าประหลาดอย่างยิ่งอยู่อย่างหนึ่งคือ
ใคร ๆ ก็พยายามจะแสดงตนว่าเป็น "ผู้รู้จักอวิชชา"
และให้ความหมายของอวิชชากันไปเอง
ตามใจชอบของตน ดูประหนึ่งว่าเป็นผู้เข้าใจ
หรือรู้จักอวิชชาอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน

แต่แล้วก็เป็นที่น่าขัน
ที่ความรู้นั้นใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
และยังแถมเข้ากันไม่ได้กับความหมายของอวิชชา
ที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้
ทั้งนี้เพราะว่ามันเป็น อวิชชาที่อธิบายโดยผู้ที่มีอวิชชา

สัตว์โลกที่อยู่ภายใต้กะลาครอบของอวิชชา....

เขาไม่ยอมรับว่าเขาเป็นเช่นนั้น
และเขาจะเถียงว่าเขาไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ทั้งนี้ก็เพราะว่า
ภายใต้กะลาครอบนั้น
ก็มีแสงสว่างอยู่ชนิดหนึ่ง
ซึ่งเป็น "แสงของอวิชชา"
เป็นแสงสว่าง
ที่บังลูกตาสัตว์ทั้งหลายไม่ให้เห็น
หรือรู้จักสิ่งทั้งปวง "ตามที่เป็นจริง"
 


เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรียกว่า อวิชชานั้น
ไม่ได้หมายถึง "ความไม่รู้อะไรเลย"
กลับหมายถึง "รู้อะไรๆ มากมายไม่มีที่สิ้นสุดด้วยซ้ำไป"
แต่ว่าล้วนแต่เป็น ความรู้ผิดทั้งนั้น
คือกลับเห็นตรงกันข้ามไปหมด เช่น
เห็นมูลเหตุของความทุกข์ว่าเป็นมูลเหตุของความสุข
อย่างที่เห็นว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

เขาไม่เห็นอย่างที่ถูกต้องตามที่เป็นจริงว่า
ความทุกข์นั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่
อะไรเป็นมูลเหตุที่แท้จริงของความทุกข์
สภาพที่ปราศจากทุกข์จริงๆ
โดยไม่หลอกลวงนั้นเป็นอย่างไร
และวิธีปฏิบัติอย่างไรคนเราถึงจะเข้าถึง
สภาพที่ไม่มีความทุกข์นั้น
เราอาจจะกล่าวได้ว่า
ความรู้ชนิดใดมากมายเท่าใดก็ตาม
ถ้าปราศจากความรู้ที่ถูกต้องในสิ่งที่กล่าวมานี้
ต้องถือว่าเป็นอวิชชาทั้งนั้น คือ เป็นความรู้ของอวิชชา
หรือเป็นความรู้ที่ใช้ไม่ได้เลยในการที่จะกำจัดความทุกข์
 

ฉะนั้น ถ้าจะมีคำแปลที่ถูกต้องรัดกุม
แก่คำว่า อวิชชาแล้วจะต้องแปลว่า
ธรรมชาติที่ปราศจากความรู้ชนิดที่จะดับทุกข์ได้

ที่มา: พุทธทาสภิกขุ  — ที่ หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2556

“ราคา” ของความไม่รู้

"ราคา" ของความไม่รู้

>> ผมเคยถูกหลอกกินเงินมัดจำ 20,000 บาท ตอนลงทุนอสังหาฯ ครั้งแรกๆ

... ทั้งที่หนังสือลงทุนอสังหาริมทรัพย์ดีๆ ราคาไม่กี่ร้อยบาท บอกวิธีป้องกันตัวเองจากการถูกหลอกไว้โดยละเอียด

 

>> ผมเคยเสียเงินทำเว็บราคาแพงหลักหลายหมื่น ใส่ลูกเล่นระยิบระยับเต็มไปหมด แต่ไม่โดนใจลูกค้า

... จนมารู้ว่าเว็บไซต์ที่เหมาะกับธุรกิจนั้นเป็นอย่างไร ตอนอบรมคอร์สราคาเพียง 800.-

 

>> ผมเคยขาดทุนกับธุรกิจเป็นแสน เพียงเพราะแค่อวดฉลาด ไม่รู้ ไม่ถาม ไม่สนใจ (อีโก้ล้วนๆ)

...ทั้งๆที่ คำแนะนำดีดีจากคนในวงการลอยผ่านหูไปมา เต็มไปหมด

“ถ้าคุณคิดว่า การจ่ายเงินให้กับความรู้มันแพง

ก็ลองจ่ายเงินให้กับ "ความไม่รู้" ดูสักครั้งสิครับ”

 

Business Man Shrug

- รู้ว่าตัวเอง "ไม่รู้" คือ ความรู้ที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง -

High Understanding, High Returns

     ดังนั้นจงลงทุนในความรู้เป็นอันดับแรก "ความรู้" ช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน คนที่ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ไม่ต่างอะไรกับการเล่นการพนัน เหมือนเสี่ยงลองดูไปวันๆ ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จเมื่อไหร่ ได้ดีไปแค่ไหน

เป็นเรื่องของ “การเสาะหา” มิใช่ “เกิดมาเป็นเอง”

เป็นเรื่องของ “การต่อสู้” มิใช่ “นั่งดูดวง”

เป็นเรื่องของ “ความเชี่ยวชาญ” ไม่ใช่ “โชคช่วย”

เป็นเรื่องของ “การฝึกฝน” ไม่ใช่ “บุญหล่นทับ”

เป็นเรื่องของ “ความสามารถ” ไม่ใช่ “วาสนา”

เป็นเรื่องของ “พรแสวง” ไม่ใช่ “พรสวรรค์

วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556

สมัคร ebay ด้วยบัตร credit เถิด... อย่าละเมิดกฎนี้เลย เดี๋ยวจะเลยเถิดโดนปิด account ยาวววววว !!!


เวปขายสินค้าที่มีคุณภาพสูง มักมีกฎที่อ้างอิงตามหลักการที่ดี
          คือ สิ่งที่ระบุลงไปในการสมัคร จำเป็นต้องมีหลักฐานแสดงตัวตนของบุคคลผู้นั้นได้ ด้วยสถาบันปกครองของประเทศผู้สมัคร ถ้าเป็นคนไทยก็อาจถือที่บัตรประชาชน ที่ออกโดยกรมการปกครอง หรือ pass sport ที่ออกโดนกระทรวงการต่างประเทศ และหลักฐานที่แสดงความมีตัวตนททางการเงินจากสถาบันทางการเงินของประเทศผู้สมัครนั้นๆ เช่น ธนาคารต่างๆของไทยแถมด้วย เวปเพื่อการค้าขายระหว่างประเทศที่มีคุณภาพสูง มักจะมีเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบผู้ละเมิดกฏ จึงเป็นที่มาของคำว่า account โดนปิด/โดนแขวน หรือ ที่เรียกตามศัพท์ ภาษาอังกฤษคือ suspension ....

หลายๆ คน ก็คงสงสัยว่า แล้วทำไมต้องมีการทำแบบนี้ด้วยหล่ะ???
          ก็เพราะเวปการค้าขายในโลกออนไลน์ อาจมีโอกาสเกิดโจรขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าโจรนั้นจะมาในคราบของผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย เช่น ผู้ซื้อบางคนเอาบัตรที่ใช้จ่ายเงินที่แอบทำปลอมมาซื้อสินค้าในเวปไซค์ หรือ ผู้ซื้อบางคนอาจทำทีซื้อสินค้าแล้วพอได้สินค้าก็อ้างว่า ไม่ได้รับของ ทำให้ผู้ขายต้องรับผิดชอบต่อกรณีเหล่านี้ ไม่ว่าจะด้วยการส่งของไปให้ใหม่อีกรอบ หรือ คืนเงินแก่ลูกค้า .. หรือ อาจมาในคราบผู้ขาย เช่น ขายของในราคาสูง เทียบเท่าราคาระดับแบรนด์เนม แต่สิ่งของที่จัดส่งไป กลับเป็นของลอกเลียนแบบ หรือ ที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า ของก๊อปปี้ ซึ่งลองคิดในมุมกลับว่า หากเราเป็นผู้ซื้อ แล้วโดนทำเช่นนี้บ้าง (โอ๊ย ! ซื้อของราคาหลักหมื่น แต่ของที่ได้มา พอใช้ไปซักพัก เพิ่งรู้ว่ามันเป็นของปลอม ก็ตอนมันใช้ได้ไม่กี่ครั้งก็เสีย .. เจ็บใจจัง อยากเห็นหน้าคนขายคนนั้นจัง จะได้....... (แล้วแต่จะคิดกันต่อไปล่ะกัน) .....
          พอหากเจ้าของเวปไซค์เช่น ebay ปล่อยปะละเลยให้มีโจรทั้งในคราบผู้ซื้อและผู้ขายลอยเกลื่อนอยู่ในเวป .. อาจทำให้ผู้ซื้อ ผู้ขายที่เป็นคนดี น้ำดี หายออกจากระบบไปเรื่อยๆดังนั้น เพื่อป้องกันความเลวร้ายจะมาบังเกิดแก่เวปไซด์เหล่านี้ เค้าจึงจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลเฉพาะด้านการจับตามองการกระทำหรือละเมิดกฏ (กฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ บางทีก็เกิดจากกลุ่มผู้เข้าไปใช้งานเองนั่นแล่ะ ที่ทำการละเมิดหรือทำอะไรในลักษณะฉ้อโกง มากขึ้นๆ จนเวปไซด์เหล่านั้น ทำการหามาตรการล้อมรั้วไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายมาตกที่คำว่า มาตรการเข้มงวดไง !) และหนึ่งในมาตรการที่เวปไซค์ขายของระดับคุณภาพหลายๆ เวป คือเรื่องของการสมัครสมาชิกเวปไซค์นั้นๆ เช่น ebay ด้วยบัตรเครดิต

แล้วสมัครด้วยบัตรเครดิต ???
อันดับแรก ก็ต้องมาที่จุดเริ่มต้นก่อน บางคนยังไม่รู้เลยว่าบัตรที่มีอยู่ในมือเค้าเรียกว่าบัตร credit หรือ บัตรเดบิต
flash
Be1stSmartCard_MPic
.... บัตรเดบิตนั้น ง่ายๆ คือ บัตรที่อิงอยู่กับสมุดบัญชีออมทรัพย์เล่มนั้นๆ แล้วแทนที่เราจะต้องไปธนาคารเพื่อกรอกเอกสารสำหรับขอถอนเงินในแต่ละครั้งออกจากบัญชีออมทรัพย์ของเรา เราก็มาใช้วีธีที่สะดวกขึ้น เพียงแค่เอาบัตร เดบิต หรือ ที่เรียกกันติดปากว่าบัตร ATM (บางธนาคารมีชื่อเรียกว่า k web คือบัตร เดบิต -บัตรกดเงินสดทาง internet หรือ บัตร Be 1st) มากดเงินออกจากตู้ ATM ที่เราเห็นกันอยู่ทั่วไป

31-03-55-03
.... ส่วนบัตรเครดิต คือบัตรที่เราไปทำการขออนุญาตใช้วงเงินจำนวนหนึ่งจากธนาคารที่เราทำเรื่องยื่นขอ เช่น เราได้รับอนุมัติจำนวนวงเงินจากธนาคารแห่งหนึ่งให้ใช้ได้เดือนละ 10,000 บาท เราก็ใช้บัตรนั้น รูดซื้อสินค้าที่เค้าเตอร์ (แทนการควักเงินสดในกระเป๋าออกมาจ่ายแทน) เช่นเจอรองเท้ากีฬาสวยๆ ในห้าง central เราก็เอาบัตรนี้รูดตรงเคาเตอร์ที่จ่ายเงินของห้างนั้น
...... ที่สำคัญ ในระดับสากล ถือว่าบัตรเครดิตนั้น ถือเป็นบุคคลอันมีความน่าเชื่อถือในระดับทางการเงิน เนื่องจาก การจะได้มาซึ่งการอนุมัติวงเงินให้เอาไปใช้ได้นั้น จะมีกระบวนการและเหตุผลที่ต้องได้รับการรับรองจากเจ้าหน้าที่ธนาคารหลายขั้นตอนพอสมควร รวมถึงมีการได้รับการพิจารณาวงเงินที่ให้ใช้ได้ตามสมควรของหลักการทางการเงิน .. บัตรเครดิต จึงมีความน่าเชื่อถือของที่มาที่ไปสูงกว่าบัตรเดบิต (หรือบัตร ATM)

แล้วผลที่ตามมาหากใช้บัตร เดบิตสมัครสมาชิก ???
          อันดับแรก มาที่กฎของไทยเราเองก่อน กฏของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ไม่อนุญาตให้ บัตรเดบิตซื้อสินค้าในสกุลเงินต่างประเทศ .. ในปีนี้ หลายธนาคารในประเทศไทยจึงเริ่มไม่อนุญาตให้ใช้บัตรเดบิต เพื่อทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ เช่น เวป ebay เพราะทำตามกฏของธนาคารแห่งประเทศไทย
          กฏหลักของการค้าขายในเวปที่มีมารตฐานสูงทุกเวปตอนนี้ คือ ผู้ขายต้องสมัครด้วยบัตรเครดิต ส่วนบัตร บัตรเดบิต หรือ ที่เราเรียกง่ายกันว่า บัตร ATM ใช้สมัครไม่ได้ค่ะ(ตัวอย่างบัตร ATM เช่น K-web หรือ Be 1st)
          ดังนั้น หากเราใช้บัตรเดบิตสมัคร ebay และ paypal ยังไงก็ซื้อของใน ebay ลำบากอยู่แล้ว ด้วยกฏของธนาคารในไทยเองที่เริ่มทำตามกฏของธนาคารแห่งประเทศไทย อาจจะซื้อได้แค่ไม่กี่รายการ ก็อาจโดนระงับการซื้อหากจ่ายเงินด้วยบัตรเดบิตแล้ว
          ผลต่อมา ... คุณอาจจะมองว่า สมัคร ebay ด้วยบัตรเดบิต (อย่าง K-web หรือ Be 1st ) ไปแล้ว account ใน ebay ยังไม่เห็นโดนปิด account เลย
.. ขอย้ำว่า ebay จะปิดทันทีค่ะ ถ้าลงขายสินค้า และยิ่งถ้าสมัครเปิดปุ๊บ แล้วลงขายสินค้าปั๊บ .. โดนปิดภายในเวลาไม่เกิน 2-3 ชม. .. หุหุ .. ของแบบนี้ ไม่เชื่อ แต่อย่าหลบหลู่กันเชียว .. เพราะอาจต้องมานั่งเสียวๆ ไม่ได้คืน account มาก็ได้

หลายคนสงสัยว่า อ้าวแต่เห็นในหนังสือที่ขายตามห้างหลายเล่ม ยังบอกให้ใช้บัตรเดบิต สมัครได้อยู่เลย???
          ต้องบอกว่า กฎระเบียบนี้ หลายๆ เวปไซค์เคยปล่อยมาระยะนึง หรือ ไม่ได้เขียนกฏนี้ขึ้นมา (โดยเฉพาะกับคนไทยและเอเชีย) ซึ่งการปล่อยให้คนมาสมัครเป็นสมาชิกเวปโดยบัตรเดบิตนั้น สมัครง่าย แต่เวลาเกิดปัญหา นั้นตามตัวมารับผิดชอบยาก เช่นผู้ซื้อโดนผู้ขายโกง หรือ ผู้ซื้อได้ของก๊อปปี้ จากการซื้อสินค้าในราคาที่ไม่ใช่จากผู้ขาย ebay หรือ เจ้าของเวปไม่สามารถติดตามหาหลักฐานได้เป็นมั่นเป็นเหมาะในการตามจับได้ และพอปล่อยเอาไว้ ก็ยิ่งมีคนเห็นช่องว่างนี้มาทำมากขึ้นๆ จนเกิดปัญหามากมาย … นั่นจึงเป็นเหตุให้เมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่แล้ว ทางเจ้าของเวปไวด์หลายๆ เวป หันมาเข้มงวดกับมาตราการที่ต้องใช้บัตรเครดิตสมัครเป็นสมาชิกเวปไซด์
…. วันนี้ก็ได้แนะนำข้อมูลควรเบาๆ กันเท่านี้ก่อน .. .. ฉะนั้น หากอยากขายใน ebay ก็ต้องสมัครด้วยบัตรเครดิต ไม่อย่างนั้น หากฝืนไป จะทำให้ account เราโดนปิด ข้อหาทำผิดกฎหลักของเค้า .. กฏนี้ของเค้าขลังจริงๆ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เชียวน๊า =D

สำหรับคนที่ไม่มี Statement ไม่ได้ทำงานประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน สามารถทำบัตรเครดิตโดยใช้เงินฝากประจำค้ำประกันได้ค่ะ คลิกที่นี่ 

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

5 นิสัยเสีย ยอดนิยม ของ “คนเกือบรวย”

          เคยรู้สึกมั้ยครับว่าไม่ว่าเราจะขยันหาเงิน เก็บเงิน และปลูกเงินแค่ไหน ต้นเงินของเราก็ไม่ค่อยงอกงามอย่างที่ตั้งใจไว้ซักที กว่าจะหาเงินก้อนหนึ่งได้ก็แสนลำบาก แต่พอหามาแล้วก็จะมีเรื่องให้ต้องใช้เงินทุกที เก็บเงินไม่เคยอยู่เลย

อยากรู้มั้ยครับว่าทำไม?

          จากที่ได้ศึกษาและเฝ้าสังเกตบุคคลหลายประเภท ทั้งที่ประสบความสำเร็จทางด้านการเงินในระดับโลก เช่น Warren Buffett หรือ Donald Trump มหาเศรษฐีและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทย รวมถึงเพื่อนๆของผมที่มักจะมีปัญหาและบ่นโอดครวญเรื่องเงินกับผมอยู่เรื่อย (และถ้าผมเผลอ มันชอบยืมตังค์ผมด้วยครับ) ผมได้เรียนรู้บทเรียนที่น่าสนใจหลายข้อจากความแตกต่างเหล่านั้น และผมก็กลัวว่าถ้าเก็บไว้ใช้คนเดียวมันจะเน่าเสียก่อน เลยนำมาแบ่งกันให้แฟนๆ Road to Billion ฟัง

5 นิสัยเสียยอดนิยมของพวก “เกือบรวย”

1. ขี้เกียจ ไม่ขวนขวายที่จะเรียนรู้ ไม่ยอมที่จะลงทุนลงแรงในการเสริมเติมความรู้ให้ตัวเอง มักจะบอกกับตัวเองว่า “เราไม่มีเวลา” “ความรู้พวกนี้มันไม่จำเป็นหรอก” หรือไม่ก็ “รู้ไว้แล้วทำอะไรได้??”

2. โลภอย่างไม่มีเหตุผล คนพวกนี้มักจะชอบการพนันเป็นชีวิตจิตใจ อาจจะพนันในหลายรูปแบบตั้งแต่หวย ฟุตบอล หรือแม้กระทั้งเล่นหุ้น อยากรู้ว่าการพนันแตกต่างกับการลงทุนอย่างไรอ่านได้ในบทความนี้ครับ http://on.fb.me/qwtmav

3. บริหารเงินไม่เป็น ชอบใช้ก่อนแล้วค่อยเก็บทีหลัง สุดท้ายก็ไม่มีเงินเหลือเก็บอยู่ดี คนพวกนี้ชอบใช้ของฟุ่มเฟือยและมักชอบซื้อของตามเพื่อน เห็นเพื่อนมี iPhone iPad iPood ไม่ได้ จะรู้สึกอิจฉาตาร้อนและจะหาเหตุผลดีๆในการซื้อของให้ตัวเองอยู่เรื่อย ส่วนตัวผมลองบริหารเงินมาหลายวิธีแล้ว พบว่าวิธีนี้ดีที่สุดเลยครับ http://on.fb.me/mDfB1Y

4. ไม่มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน คนเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนักเดินป่าที่ลืมเอาเข็มทิศติดตัวไปด้วย การขาดเป้าหมายก็อาจจะหมายถึงการขาดแรงจูงใจที่ดีพอ คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินนอกจากคนพวกนี้จะมีเป้าหมายที่ชัดแล้ว เค้ายังมีตอบตัวเองได้อย่างฉะฉานอีกด้วยว่า “ทำไมเค้าถึงต้องรวย”  (ไม่ใช่แค่ “อยากรวย” นะครับ คนอยากรวยมีเยอะครับแต่คนที่ “ต้องรวยให้ได้” มีไม่ถึงหยิบมือ) แล้วคุณอยากจะมีเท่าไหร่ครับ? ซักพันล้านพอมั้ยครับ? อ่านคำตอบได้ในนี้ครับ http://on.fb.me/ohuQ1G

5. เป็นคนขี้บ่นและมักชอบต่อว่าคนรวยคนอื่นๆ อยากให้ลองคิดตามครับว่า “ถ้าเราเกลียดแล้วเราจะเป็นคนรวยได้อย่างไรครับ?” สื่อส่วนมาก (โดยเฉพาะละครหลังข่าว) มักจะสร้างภาพให้คนรวยต้องเลว ต้องเป็นนักการเมืองที่โกงเค้ามา หรือไม่ก็เป็นพวกมาเฟียที่ชอบฆ่าปิดปาก สมองของเรารับภาพเหล่านี้เข้ามาเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกของเราโดยไม่รู้ตัว ไม่มีใครที่อยากจะเป็นมาเฟียหรือนักการเมืองโกงๆหรอกครับ (ยกเว้นคนบางกลุ่มที่คุณก็รู้ว่าใคร) สมองจะบอกกับเราว่าถ้าอยากเป็นคนดีต้องไม่รวย ถ้ารวยแปลว่าเลว อืม.. แปลกแต่จริง

          ผมต้องยอมรับก่อนเลยว่าผมยังทำสิ่งเหล่านี้อยู่ ในหลายครั้งผมกระทำความผิดมากกว่าหนึ่งข้อ (โดยเฉพาะข้อสุดท้าย) แต่อย่างน้อยการรู้จักตัวเอง รู้ถึงปัญหาและที่มาของมันก็จะทำให้เราสามารถต่อสู้กับนิสัยเสียของ “คนเกือบรวย” เหล่านี้ได้

คุณล่ะครับมีนิสัยเสียๆแบบนี้กันคนกี่ข้อ??

ถ้าอยากจะอ่านเกี่ยวกับจิตวิทยาทางการเงิน การลงทุน และเศรษฐกิจ เข้าอ่านเพิ่มเติมในหน้า Road to Billion ได้นะครับwww.facebook.com/roadtobillion

Credit: Road to Billion / August 23, 2011 at 10:08pm

 

word 40

บทความที่ได้รับความนิยม

เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
อาคารเจเจเอาท์เลท ชั้น 3 ถ.กำแพงเพชร 2, ภาคกลาง, Thailand
สถาบันฝึกอบรมการสร้างธุรกิจส่งออกด้วยระบบออนไลน์แบบครบสูตร ผ่านเว็บขายสินค้า อีเบย์ ด้วยการสอนที่แตกต่าง และเน้นให้ท่านทำได้จริง-เห็นผลเร็ว โดยอาจารย์ผู้ผ่าน certified เป็น Instructor จาก Ebay USA (eBay Education Specialist) รวมถึงทีมอาจารย์ ที่พร้อมจะมาเป็นโค้ชใ ห้คำแนะนำแก่ท่านตลอดการอบรม

บรรยากาศการเรียน

บรรยากาศ workshop

ตารางอบรมสำหรับนักเรียนของ ชมรมคนรักอีเบย์

เนื้อหา ความรู้ และกิจกรรมในช่วงระยะเวลา 6 เดือน

- วันแรกของการเรียน จะเป็นการเรียนรู้แนวคิด และเทคนิคที่สำคัญ เช่น

· เทคนิคการค้นหาสินค้า และการวิเคราะห์หาสินค้าขายดี เมื่อจบวันนี้จะได้รายชื่อสินค้าขายดีจำนวนมาก

· เทคนิคการตั้งราคาสินค้า

· เทคนิคการเขียนคำอธิบายสินค้าให้ถูกใจลูกค้า และติดอันดับดีๆ

· แนวคิดในการดูแลลูกค้า รวมทั้งการจัดการเมื่อเกิดปัญหากับลูกค้า

· Drop Ship เบื้องต้น

· การแก้ไขปัญหาสำหรับการลงทะเบียนเปิดบัญชีต่างๆ

· เมื่อจบวันแรก ผู้เรียนจะได้รายชื่อสินค้าขายดี รวมทั้งแนวคิดและเทคต่างๆ ที่สามารถนำไปเริ่มใช้ได้ทันที

- วันที่ 2 จนกระทั่งครบ 6 เดือน ในช่วงนี้จะเรียกว่าการ Workshop เป็นการเรียนแบบฝึกปฏิบัติจากงานจริง โดยมีทีมงานของอาจารย์คอยให้ทำปรึกษา และช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

· การลงทะเบียนเปิดร้าน, ลงทะเบียน Paypal สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียน หรือผู้ที่ติดปัญหาจากวันแรก

· การให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ สำหรับบัญชีเก่าที่เกิดปัญหา

· การให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญ Suspend, Limit ในการลงสินค้า

· สอนหรือแนะนำการบรรจุ และห่อสินค้าที่จะจัดส่งให้ลูกค้า

· ให้คำปรึกษาในการจัดส่งสินค้าที่ประหยัดที่สุด สำหรับสินค้าแต่ละชนิด

· เรียนซ้ำ หรือทบทวนเทคนิค หรือแนวคิดต่างๆ ที่ยังไม่เข้าใจในวันแรก

· สอนเทคนิคการถ่ายภาพสินค้าให้สวย

· สอนเทคนิคการตกแต่งรูปภาพ

· กิจกรรมพาทัวร์ซื้อสินค้าเพื่อนำไปลงประมูลขาย สำหรับมือใหม่

· สอนทบทวน Drop Ship เบื้องต้น

· สอนการทำ Drop Ship ขั้นสูง และเทคนิคการหาสินค้าและ Supplier ผู้ผลิตสินค้า

· สอนเทคนิคการโปรโมทสินค้า สำหรับผู้ประกอบการที่นำสินค้าเข้ามาขายภายในประเทศ

· Update เทคนิคหรือความรู้ใหม่ๆ

· การให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักเรียนทุกคนจะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

ฯลฯ


** ชมรมคนรักอีเบย์ เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น. ยกเว้นวันพฤหัสบดี **

ภาคปฏิบัติที่เปิดสอนทุกวัน
10.30 – 12.30 ลงทะเบียน
eBay&PayPal + ซื้อสินค้าชิ้นแรก

13.30 – 15.30 เก็บข้อมูลลูกค้า + Packing

15.30 – 17.30 ลงสินค้าชิ้นแรก + ถ่ายรูป

Calendar Workshop Ebay Lover Club